รีวิวกีตาร์ PRS Robben Ford Limited Edition McCarty

PRS รุ่นลายเซ็น Robben Ford อะไรนะ!!!

ช่วงปีที่ผ่านมานี้ดูค่ายนกจะรุกตลาดออกสินค้าแนว artist signature limited edition มากขึ้น จะเห็นได้ตั้งแต่ Joe Walsh SC 594, Private Stock Orianthi Custom 24 จนมาถึงช่วงหลังๆ ที่มีคนสังเกตว่า Robben Ford ศิลปินสายบลูส์ แจ๊ซ ร็อคชื่อดัง เริ่มสะพาย PRS สีดำหน้าตาแปลกๆ ออกงานบ่อยขึ้น แล้วก็เป็นไปตามคาดสำหรับการเปิดตัวกีตาร์ PRS Robben Ford Limited McCarty ในต้นปีนี้พร้อมๆ กับกีตาร์อีกหลายรุ่น

แต่สำหรับลุงพอลแล้ว กับ Robben Ford คงไม่ใช่เพื่อนใหม่หรือคอนเนคชันที่ไม่เคยมีมาก่อน เพราะทั้งสองคนเคยพบปะพูดคุยกันมาตั้งแต่ช่วงปลายยุค 80s แล้ว Ford เองก็ชื่นชมในความเอาใจใส่ในรายละเอียดการสร้างเครื่องดนตรีของกีตาร์ลุงพอล และก็ยกย่องลุงพอลด้วยคำพูดคล้ายๆ กับศิลปินอีกหลายๆ คน คือ PRS เป็นแบรนด์ที่ฟังสิ่งที่ศิลปินต้องการจริงๆ จะไม่เหมือนแบรนด์ใหญ่เจ้าตลาดเจ้าอื่นที่ศิลปินที่มา collaborate ด้วยจะไม่สามารถขอนั่นขอนี่ได้มากเท่าที่นี่กับลุงพอล

สำหรับกีตาร์รุ่นนี้ใช้ PRS McCarty เป็นพื้นฐาน รายละเอียดเป็นอย่างไรนั้น ไปดูกันเลย

สเปค

• Model : Robben Ford Limited McCarty
• Body : Mahogany, McCarty thickness, 1 piece
• Top : Maple
• Neck : Mahogany, 1 piece
• Neck profile (s) : Pattern
• Scale length : 25″
• Number of frets : 22
• Fingerboard : African blackwood with white plastic binding
• Fingerboard inlay : Old school birds, ripple abalone
• Headstock veneer : None
• Headstock decoration : Hand-signed Paul Reed Smith signature
• Truss rod cover text : Robben Ford Ltd
• Tuners : Vintage style, brass
• Nut : Bone
• Bridge : PRS Stoptail with brass inserts
• Pickups : Robben Ford set with Dojo logo
• Electronics : 3 way toggle switch, 1 Volume, 1 Tone, 1 mini toggle for coil split, all in Ford’s preferred alignment
• Hardware : Nickel
• Color : Black
• Finish : Nitro CAB
• Accessory : Black tolex hardshell case
• Special features: Only 200 made, hand-signed Ford signature on backplate, hand-signed Paul’s signature, special Robben Ford pickups and electronics

โครงสร้าง การตกแต่ง และสัมผัส

สัมผัสแรกเมื่อหยิบกีตาร์มาวางในตำแหน่งเตรียมเล่นคือ คอเชพ Pattern อวบๆ คล้ายเชพเก่า Wide Fat ที่เลิกผลิตไปแต่เล่นเข้ามือกว่า บอดี้ที่หนากว่ารุ่น Custom อยู่นิดหน่อย คอที่สั้นกว่า CU24 เพราะมี 22 เฟรท กับบริดจ์แบบบตรึงอยู่กับที่ชิ้นเดียว บ่งบอกว่านี่คือฟีลแบบ McCarty ที่ผมคุ้นเคย สัมผัสแบบเนื้อไม้แน่นๆ ทุกอย่างมีเหตุมีผลในการจัดวาง ไม่มากไป ไม่น้อยไป ไม่มีอะไรที่มีไว้ “เผื่อใช้” แม้สัมผัสจะคุ้นเคยในแง่ของมิติและการจับถือ แต่สิ่งที่ผิดมือไปก็เห็นจะเป็นชุดคอนโทรลที่แปลกไปไม่เหมือน PRS รุ่นใดที่เคยเล่นมา

ถึงบอดี้และคอจะมีเนื้อมีหนังเต็มไม้เต็มมือ แต่น้ำหนักกีตาร์ค่อนข้างเบานะครับ และเบากว่า core Custom 24 หลายๆ ตัว ตามสไตล์ McCarty model

มองขึ้นไปดูที่หัวกีตาร์ก็เห็นลายเซ็นลุงพอลที่เซ็นด้วยมือซึ่งต้องถือว่าพิเศษมากๆ เพราะมี PRS ไม่มากที่จะมีแบบนี้ถ้าไม่ใช่รุ่นพิเศษเฉพาะเจาะจงจริงๆ นอกจากลายเซ็นสดแล้วจุดที่น่าสังเกตก็ยังเป็นดีไซน์ทรง headstock แบบปีกกว้างย้อนยุคเหมือนสมัยก่อนลุงพอลทำช่วงยุค 80s ฝา truss rod cover สลักชื่อ Robben Ford Ltd ลูกบิดเป็นสไตล์วินเทจเสาทองเหลืองไม่ล็อกสายตามตำรับ McCarty ที่แท้ทรู นัททำจากกระดูกแท้ตามสไตล์วินเทจแบบเดียวกับรุ่น core 594

ไม้ฟิงเกอร์บอร์ด อันนี้ถือว่าน่าสนใจมาก (สำหรับผม) เพราะเจาะจงใช้ไม้ African blackwood ไม้ชนิดนี้เป็นไม้พื้นถิ่นของประเทศแถบแอฟริกา เช่น แทนซาเนีย ไนจีเรีย ซูดาน ลักษณะเฉพาะที่มันแตกต่างจากไม้ส่วนใหญ่ที่ PRS ใช้ทำฟิงเกอร์บอร์ด คือ มันมีค่าความแข็งของเนื้อไม้หรือ Janka hardness อยู่ที่ 4,050 แรงปอนด์ ซึ่งถือว่าแข็งมาก มากกว่าไม้ Indian rosewood ที่ PRS ใช้ทำฟิงเกอร์บอร์ดกีตาร์ core series เกือบสองเท่า, แข็งกว่าไม้ Brazilian rosewood 45 เปอร์เซ็นต์ รวมถึงแข็งกว่าไม้ ebony 25 เปอร์เซ็นต์ ดูจากรูปเราจะเห็นว่าสีของไม้บอร์ดดำแทบจะสนิทคล้ายไม้ ebony แต่จากที่ผมเห็นของจริงมา ถึงแม้สีไม้จะดำมาก แต่เสี้ยนไม่ละเอียดเท่า ebony มีการเดินขอบ binding สีงาช้างที่ขอบบอร์ดตัดกับสีดำสนิทของไม้ African blackwood และดูแมทช์กับ maple binding บนบอดี้สีดำสนิท จะว่าไปแล้วลุคคมเข้มแบบนี้ก็คงเป็นเสน่ห์ของ PRS รุ่นนี้ เรเดียสบอร์ดโค้งสิบนิ้ว 22 เฟรทตามมาตรฐาน McCarty model

อินเลย์นกเป็นสไตล์ old school birds สุดคลาสสิค วัสดุ ripple abalone เรียบๆ ไม่มีลูกเล่นตัดขอบ เฟรทขนาดใหญ่ก็ตามสไตล์ McCarty model

Electronics and controls

อย่างที่เกริ่นไปตอนต้น Robben Ford Ltd มากับระบบไฟฟ้าเฉพาะรุ่น เริ่มตั้งแต่ control layout ที่จัดวางใหม่ตามความต้องการของ Ford คือเรียงเป็นแถวตรงขนานกับพื้นคล้ายกีตาร์ Telecaster ระบบตัดคอยล์สั่งการด้วย mini toggle switch อันเล็กๆ ที่อยู่ด้านหลัง แต่ไฮไลท์จริงๆ ผมคิดว่าเป็นปิคอัพ PRS Robben Ford set มีฝาสลักโลโก้ Dojo seal ที่เป็นเอกลักษณ์ของ Ford ซึ่ง Ford ร่วมกันออกแบบกับลุงพอล

บริดจ์เป็นแบบ Stoptail ฝังหมุดทองเหลือง เป็นอะไหล่ตัวเดียวกันกับรุ่น Paul’s Guitar และ Private Stock Paul’s 85 หมุดทองเหลืองทั้งหกอันถูกตอกลงไปในบริดจ์อลูมิเนียมน้ำหนักเบาตรงจุดที่สายกีตาร์พาดผ่าน ช่วยสร้างความก้องใสกังวานทางอคูสติกจากส่วนที่สายสัมผัสโลหะทองเหลือง เป็นสูตรการสร้างกีตาร์ที่ลุงพอลโปรดปราน

เสียง

ผมทดสอบโดยใช้แอมป์ Fender Super Sonic เซ็ททุกอย่างไว้กลางๆ เริ่มจากเสียงคลีน ที่ neck humbucker โทนเสียงที่ได้มีความสมูธที่น่าสนใจมาก คือมันมีความกลมกล่อมแต่เก็บย่านดีพอสมควร คือย่านกลางมาค่อนข้างอิ่มอร่อยแต่ไม่บวมป่องเลย แบบนี้จะใช้เล่นแนววาไรตี้เพราะๆ หวานๆ บลูส์ หรือแม้แต่ลงไปแจ๊สก็ดีหมด ที่ว่าดีเพราะมันเป็นความกลมอิ่มที่มีความชัดเจน (definition) ที่ดีมาก ไม่ว่าจะเล่นด้วยปิ๊ค ด้วยนิ้ว เล่นคอร์ดแจ๊สซับซ้อนยังไงก็ได้ยินชัดทุกโน้ต เป็นตัว ไม่เบลอ แม้คาแรคเตอร์ของโทนโดยรวมจะชัดเจนว่าอยู่ในกลุ่ม “วินเทจ” ก็ตาม สำหรับแก๊ก bridge humbucker นั้นดูเหมือนจะถูกออกแบบมาอย่างดีไม่ให้ย่านแหลมทิ่มหูมากนัก

ทดลองเสียงตัดคอยล์ ที่ตำแหน่ง neck ผมชอบมาก มันเป็นเสียงตัดคอยล์ที่มีความเต็มตามสไตล์การต่อวงจรตัดคอยล์แบบกีตาร์ PRS ยุคใหม่ที่วอลุ่มจะไม่วูบมาก คาแรคเตอร์มีความโปร่ง ป๊องพอสมควรแต่ไม่แห้ง คือเป้นเสียงตัดคอยล์ที่ดีมาก เล่นกับเสียงแตกก็สนุก

เสียงแตก อันนี้ยิ่งน่าสนใจ ปกติผมไม่ค่อยอะไรกับโทนสไตล์วินเทจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโทนวินเทจจากกีตาร์ PRS ในยุคสิบกว่าปีให้หลังมานี้ สำหรับสุ้มเสียงแตกจาก PRS Robben Ford Ltd ตำแหน่ง bridge humbucker นั้นมีความแบบ classic rock ให้ความเปิด ไดนามิคดีไม่คอมเพรส มีย่านกลางที่สวยลงตัว คำราม gain texture ที่ค่อนข้างดิบๆ สไตล์วินเทจ ตำแหน่ง neck humbucker นั้นเหนียว หวาน ย่านกลางเพราะแต่ไม่บวม ราวกับถูกออกแบบมาอย่างระมัดระวังในจุดนี้มาก สิ่งที่ผมสังเกตอีกอย่างเกี่ยวกับเสียงของ PRS รุ่นนี้คือมันมีย่าน overtone ที่เพราะมาก และดังออกมาเยอะใช้ได้ คือมักจะมีหางโน้ตเพราะๆ แอบหอนออกมาหลังการดีดของผมอยู่หลายจังหวะหลายตำแหน่งบนบอร์ด ผมคิดว่าถ้าเอาไปเล่นกับแอมป์โทน Marshall ที่เกนแรงกว่าแอมป์ Super Sonic เกนบ่ายสามที่ผมใช้ลองในวันนั้นก็น่าจะดี เจ้ากีตาร์ตัวนี้คงแสดงศักยภาพที่ซ่อนอยู่ออกมาได้อีกเยอะ จากที่ผมไม่อินกับโทนวินเทจของ PRS มานานหลายปี ก็มาเจอตัวนี้แหละที่เป็น joy to play มากที่สุดตัวนึงเลย

PRS รุ่นนี้น่าโดนยังไง?

แน่นอนว่า กีตาร์รุ่นนี้ เมื่อเรามองด้วยสายตาแบบคนนิยมแบรนด์ PRS แล้ว ก็ต้องบอกว่ามันดูเรียบไปหน่อย ลายม้งลายไม้อะไหล่หรูหราอินเลย์ตระการตาอะไร ไม่มีสักอย่างพวกนั้น แต่จุดขายจริงๆ ของกีตาร์รุ่นนี้ไม่ใช่เรื่องพวกนั้นเลย แต่หากเป็นความ collectability หรือความน่าสะสม เพราะนี่เป็นการ collaboration กับมือกีตาร์ระดับแถวหน้าของวงการและผลิตเพียง 200 ตัว แถมมีลายเซ็นที่เซ็นจากมือเจ้าของรุ่นและเจ้าของโรงงาน มันเป็นกีตาร์หน้าตาแสนธรรมดาแต่เราไม่สามารถสั่งผลิตได้ต่อให้มีงบแค่ไหน ในฐานะผู้ก่อตั้งกลุ่ม PRS Thailand ก็มีเพื่อนฝูงทักมาขอความเห้นหลายคนตอนที่มีข่าวว่าตัวแทนจำหน่ายจะเปิดจองในไทยในจำนวนจำกัด ซึ่งผมก็แนะนำแบบนี้ไปทุกคน คือมันเป็น PRS ที่น่าเก็บ มีมูลค่าเพิ่มในอนาคต เป็นกีตาร์ที่ควรซื้อทันทีที่มีโอกาสโดยไม่จำเป็นต้องลองก่อน และสำหรับผมเองเมื่อลองแล้ว ก็ต้องบอกว่ามันเสียงดีจริงๆ อิ่ม อร่อย สนุก เป็นโทนวินเทจที่มีคาแรคเตอร์ของตัวเองและใช้งานจริงได้ดีมาก ปิคอัพรุ่นนี้ก็ไม่มีขายเป็นอะไหล่เสียด้วย ยิ่งน่าเก็บไปใหญ่ กีตาร์รุ่นนี้จะเหมาะกับคนที่เข้าใจ มีรสนิยมที่ดี มีวิสัยทัศน์ และแน่นอน มีทุนทรัพย์มากพอ

และเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม ผู้คนจะตามหามัน และมันจะเป็น PRS ที่มีคนอยากได้มากมายโดยที่ไม่ต้องเอาลายไม้หรือลายอินเลย์มาล่อเลย จำคำผมไว้ครับ

ส่งท้าย

สำหรับการรีวิว PRS Robben Ford Ltd McCarty ของผมก็จะมีประมาณนี้นะครับ ขอขอบคุณร้าน Music Inn Thailand รวมคำแหง 24 เอื้อเฟื้อกีตาร์สำหรับทดสอบ สนใจก็ทักไปสอบถามทางร้านได้ครับ

สนใจเข้ากลุ่ม PRS Thailand คลิกเลยจ้า มี PRS ให้หลอนอีกเพียบ