
PRS CE 24 – ผลิตอเมริกา สเปคคุ้มค่า ราคาหลักหมื่น
PRS เป็นแบรนด์กีตาร์ที่ให้ความสำคัญกับการเข้าถึงผู้บริโภค โดยเฉพาะในปัจจุบันเราจะเห็นว่ามีกีตาร์ PRS หลายระดับราคา เริ่มตั้งแต่ SE Standard ราคาหมื่นกลางๆ ไปถึง Dragon ราคาเฉียดล้านบาท
มีกีตาร์ซีรีส์หนึ่งของ PRS ที่ผลิตขึ้นภายใต้แนวคิด “นำเสนอของดีในราคาคุ้มค่า” กีตาร์ซีรีส์นี้คือ CE ย่อมาจาก Classic Electric ซึ่งมีทั้งแบบ 22 และ 24 เฟรท สำหรับบทความนี้ผมจะนำเสนอรุ่น 24 เฟรท หรือ CE 24 ก่อนนะครับ เนื่องจากออกมาก่อนและปัจจุบันนี้ก็ยังมีขายอยู่ครับ
Introduction to PRS CE 24
Concept
แรกเริ่มเดิมที กีตาร์ชื่อ CE 24 ของ PRS ไม่ได้ชื่อรุ่นแบบนี้นะครับ มันเกิดมาในชื่อ PRS Classic Electric ในปี 1988 แต่ในปีต่อมา แบรนด์ Peavey ร้องเรียนว่าชื่อ Classic Electric นี้ ซ้ำกับชื่อกีตาร์ของ Peavay ทาง PRS ไม่อยากมีปัญหา ก็เลยเปลี่ยนชื่อรุ่นซะใหม่เป็นตัวย่อว่า CE แทน
กีตาร์ CE series มีทั้งรุ่น 24 และ 22 เฟรท แต่ไม่ว่าจะกี่เฟรท ก็มีแนวคิดในการสร้างว่า จะนำเสนอกีตาร์ที่มีคุณภาพใกล้เคียงกับรุ่น Custom ซึ่งเป็นรุ่นเรือธงของค่ายในราคาถูกลง แต่อาจเข้าถึงยากสำหรับหลายๆคนเนื่องจากค่าตัวค่อนข้างสูง สิ่งที่ PRS ต้องทำก็คือ ลดทอนสเปคบางส่วนที่ไม่จำเป็นลง เช่น พวกงานประดับฟรุ้งฟริ้ง ใช้อินเลย์ที่เซฟต้นทุนมากขึ้น รวมทั้งเปลี่ยนคอจากมาฮอกกานีเข้าคอด้วยกาว (set-in mahogany) มาเป็นเมเปิลเข้าคอด้วยน็อต (bolt-on maple) ซึ่งถ้าจะพูดตรงๆ โครงสร้างแบบนี้มันก็คล้ายๆ สตรัทนั่นเอง แต่ใช้ไม้และส่วนประกอบอื่นๆ แตกต่างกัน
ผลที่ได้ ไม่ใช่เพียง PRS คอเมเปิลต่อด้วยน็อตรุ่นแรกของค่าย แต่เรายังได้ PRS ที่มีสุ้มเสียงและฟีลการเล่น “แตกต่าง” จาก Custom 24 เนื่องจากการใช้ไม้และโครงสร้างที่เปลี่ยนไป เกิดเป็นกีตาร์ PRS แนวคิดใหม่ที่หลายๆคนได้ลองแล้วก็ติดใจ และกลายเป็นเสน่ห์เฉพาะตัวของกีตาร์ซีรีส์นี้ที่สาวกลุงพอลต่างรู้กันดี ว่า แม้แต่ Custom 24 ก็ให้อารมณ์แบบนี้ไม่ได้
PRS CE 24 ถือกำเนิดครั้งแรกเมื่อปี 1988 และผลิตถึงประมาณปี 2008 แต่ต่อมาได้กลับมาผลิตใหม่อีกครั้งในปี 2016 จนถึงปัจจุบัน (2018) มีการเปลี่ยนแปลงสเปคปลีกย่อยไปตามยุคสมัย ศิลปินที่ใช้กีตาร์ซีรีส์นี้ในช่วงนั้นก็เช่น Alex Lifeson และ Gary Moore
Alex Lifeson with early PRS CE 24
https://forums.prsguitars.com/threads/what-can-you-tell-me-about-alex-lifesons-black-ce-24.6404/
ผมขอจำแนกกีตาร์ PRS CE 24 ออกเป็นสองกลุ่มตามช่วงเวลาที่ผลิต คือ CE 24 เวอร์ชันแรก และเวอร์ชันใหม่นะครับ โดยผมขอจำแนกสเปคตามส่วนต่างๆ ของกีตาร์ ไล่ความเปลี่ยนแปลงจากเริ่มต้นถึงล่าสุด สเปคเป็นอย่างไรไปดูกันครับ
PRS Classic Electric และ CE 24 เวอร์ชันแรก (1988 – 2008)
Specifications:
- Body and top
- 1988 – 1990 : solid alder, 2 pieces, with scrape binding on top
- 1889 – 1995 : alder back with maple top
- 1995 – 1997 : maple top or optional 3 piece 10 top (special order)
- 1995 – 2000 : solid mahogany (optional)
- 1995 – 2008 : mahogany back with maple top
- 2006 – 2008 : solid mahogany (optional)
- 2008 : solid alder (optional)
- Neck : 1 piece, quarter-swan, bolt-on maple, nitrocellulose finish
- Neck profile
- 1988 – 2001 : standard/regular
- 1989 – 2001: wide thin (optional)
- 2001 – 2008 : wide thin
- Scale length : 25″
- Fingerboard
- 1988 – 1991 : Indian rosewood or maple
- 1991 – 2008 : Indian rosewood
- Fingerboard radius : 10″
- Fingerboard inlay : ablalone dots (abalone birds on special orders)
- Fingerboard binding : none
- Headstock facing
- 1988 : none
- 1989 – 1993 : non-facing (with maple fingerboard) or black facing (rosewood fingerboard)
- 1993 – 2005 : black facing with rosewood fingerboard
- 2005 – 2009 : non-facing with rosewood fingerboard
- Headstock decals
- 1988 – 1991 : PRS Electric
- 1989 – 1994 : small signature
- 1994 – 2008 : raised gold PRS signature
- Truss rod cover text : none
- Tuners
- 1988 – 2001 : PRS Phase I (winged) locking
- 2002 – 2009 : PRS Phase II locking
- Bridge
- 1988 – 1993 : Mil-Com one piece tremolo
- 1993 – 2008 : PRS tremolo
- 1995 – 2001 : PRS stoptail (optional)
- Pickups
- 1988 – 1991 : Standard treble (alnico 5, 11k) and bass (alnico 2, 8.5k) or Vintage treble and bass (both alnico 2, 8.5k)
- 1991 – 2008 : HFS treble (ceramic, 15k) and Vintage Bass (alnico 2, 8.5k)
- Electronics
- 1988 – 1991 : 3 way ‘base ball bat’ toggle, 2nd toggle position splits coils, 1 vol, 1 tone
- 1991 – 2008 : rotary or McCarty electronics (optional)
- Knobs : speed
- Finish : polyester base coat with acrylic top coat
- Accessories : black tolex hardshell case
Body and top woods
Body wood
เนื่องจากจุดประสงค์แรกเริ่มในการสร้าง PRS Classic Electric 24 หรือ CE 24 สร้างขึ้นเพื่อ 1) เป็นตัวเลือกสำหรับคนที่อยากได้ PRS ทรง Custom ในราคาย่อมเยาและ 2) สร้างโทนเสียงแนวสตรัท ดังนั้นบอดี้ของ CE 24 แรกเริ่มเดิมทีจึงใช้ไม้ alder ทำบอดี้ ไม่มีไม้ท็อปเมเปิล แต่แม้จะเป็นไม้แอลเดอร์ไม่มีทอปเมเปิล แต่ก็ยังอุตส่าห์ทำเส้น binding บริเวณขอบบอดี้ด้านหน้า (ซึ่งปกติควรจะเป็นไม้ทอป) มาให้ด้วย
1988 PRS Classic Electric (later renamed ‘CE 24’) original version (solid alder body)
แต่เพียงปีที่ 2 ของไลน์ผลิต PRS ได้เพิ่มออพชันไม้ท็อปเมเปิลให้กับ CE 24 ซึ่งก็เป็นไม้ไม่คัดเกรดลายไม้เพราะเป็นรุ่นประหยัดต้นทุนเพื่อลดราคาขาย ส่วนไม้ back ยังเป็นไม้แอลเดอร์ตามสเปคเดิม
ความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ ของ CE 24 เจเนอเรชันแรก ผมมองว่าเกิดขึ้นในช่วงปลายปี 1994 จนถึงปี 1995 ความเปลี่ยนแปลงที่ว่านั้นก็คือ PRS เริ่มเปลี่ยนไม้บอดี้ของ CE 24 จาก แอลเดอร์มาเป็นมาฮอกกานีแปะท็อปเมเปิล มีความหนาบอดี้ประมาณ 49 มิลลิเมตรเท่า Custom 24 ทำให้ มีโทนเสียงที่ให้ย่านเบสมากขึ้น มีย่านกลางอิ่มเอิบกว่าเดิม มีเนื้อเสียงหนาขึ้น และแน่นอนว่าการปรับสเปคไม้เช่นนี้ทำให้ CE 24 มีสุ้มเสียงใกล้เคียง Custom 24 มากขึ้น พูดถึงไม้เรื่องบอดี้ เท่าที่มีการพูดคุยกันตาม webboard ใหญ่ๆในต่างประเทศ ดูเหมือนว่าสาวก PRS ส่วนใหญ่มักเก็บ CE 24 ช่วงก่อนปี 95 หรือที่มักถูกเรียกว่า Pre Factory อาจเพราะเสน่ห์ของโทนเสียงแบบปีแรกๆจากไม้แอลเดอร์ที่ PRS รุ่นอื่นๆให้ไม่ได้ (รวมทั้ง Custom 24) อีกอย่าง CE 24 ช่วงปีแรกยังมีสเปคบางอย่างที่ปีหลังๆ ไม่มี
อย่างไรก็ดี เนื่องจาก PRS ค่อยๆ ผลิตบอดี้มาฮอกกานีแทนที่บอดี้แอลเดอร์ตั้งแต่ปี 1994 ดังนั้น ช่วง 1994 – 1995 ก็จะมีทั้งบอดี้แอลเดอร์และมาฮอกกานี แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าตัวไหนไม้อะไร? หนึ่งในวิธีสังเกตว่าบอดี้ CE 24 ตัวไหนเป็นไม้แอลเดอร์คือให้ดูจากรอยต่อไม้บอดี้ด้านหลัง ถ้ามีรอยต่อไม้ นั่นคือแอลเดอร์ครับ แต่สำหรับมาฮอกกานีจะเป็นชิ้นเดียว ไม่มีรอยต่อ อย่างปี 1994 ตัวนี้คือบอดี้แอลเดอร์
ในขณะที่บอดี้มาฮอกกานีจะเป็นชิ้นเดียว (จนถึงวันนี้ PRS รุ่นบอดี้มาฮอกกานีและผลิต USA ก็ยังใช้ชิ้นเดียวเป็นมาตรฐาน)
http://www.mylespaul.com/threads/ngd-inbound-2005-prs-ce24.378633/
แต่ถ้าทำสีทึบ ก็คงต้องแกะฝาหลังดูเพื่อหารอยต่อไม้ หรืออาจต้องสังเกตเนื้อไม้ดูกันเลยทีเดียว
เหตุผลที่ PRS เปลี่ยนไม้บอดี้ ก็เนื่องจากตลาดให้การยอมรับกีตาร์ PRS ที่บอดี้ทำจากไม้มาฮอกกานีมากกว่า alder และอีกเหตุผลหนึ่งผมมองว่า เนื่องจากในช่วงนั้น PRS ขยายกิจการ สร้างโรงงานขนาดใหญ่ ดังนั้น เพื่อให้สามารถผลิตในปริมาณมากได้ง่ายขึ้น จึงต้องพยายามใช้ไม้ให้เป็นสปีชีส์เดียวกันเพื่อให้ใช้ไม้ข้ามไลน์ผลิตได้ ยิ่งใช้ไม้เหมือนกัน ก็สามารถเก็บสต๊อกเฉพาะไม้ชนิดนั้นๆได้มากขึ้น ซื้อเหมาเข้ามาได้ในราคาต่อหน่วยถูกลง เป็นไปตามหลัก economy of scale มากกว่าการใช้ไม้ต่างชนิด-ต่างไลน์ผลิต
ในปี 1994 ยังมี CE 24 ตัวเลือกบอดี้ใหม่เพิ่มขึ้นมาอีกออพชัน นั่นคือ CE 24 solid mahogany หรือก็คือ CE 24 ที่บอดี้เป็นไม้มาฮอกกานีทั้งดุ้น ไม่มีท็อปเมเปิล ซึ่งก็อยู่ในสายการผลิตระหว่างปี 1994 – 2000 แล้วก็เลิกผลิตไป จากนั้นจึงกลับมาอีกครั้งระหว่างปี 2005 – 2007 และในปี 2008 ก็กลับมาผลิตเวอร์ชันบอดี้ไม้แอลเดอร์ล้วนอีกครั้ง แต่ไม่ว่าจะมีออพชันไม้บอดี้อะไรออกมา ฟอร์แมทหลักที่เป็นบอดี้มาฮอกกานี+ท็อปเมเปิล ก็ยังผลิตตามปกติจนถึงปีสุดท้ายของสายการผลิตนะครับ
1997 PRS CE 24 solid mahogany body, black-faced headstock
2006 PRS CE 24 re-introduced solid mahogany body with un-faced headstock
PRS CE mahogany guitars advertisement in 2006
2008 PRS CE 24 solid alder body, without body binding
2008 PRS CE 24 mahogany body with maple top
Top wood
พูดถึงไม้เมเปิลท็อปของ CE 24 ซึ่งมีเป็นออพชันตั้งแต่ปี 1989 เรามักจะคุ้นตาว่ามักไม่คัดเกรดลายไม้เพราะเป็นรุ่นประหยัดต้นทุนเพื่อลดราคาขาย
PRS CE 24 basic-graded maple top
https://forums.prsguitars.com/threads/my-new-sh-ce24.11167/
แต่ระหว่างปี 1995 – 1997 มี CE 24 บางตัวเป็น special order มากับไม้ท็อปเกรด 10 top แต่แหวกแนวเป็นไม้ 3 ชิ้น ซึ่ง CE 24 ทอปแบบนี้น่าจะมีจำนวนน้อยมากๆ นับเป็น rare option ของ PRS CE 24 ถ้าใครนึกภาพไม่ออกว่า PRS ไม้ท็อป 3 ชิ้นหน้าตาเป็นยังไง ลองดู CE 24 ปี 1997 สองตัวข้างล่างนี้ครับ
1997 PRS CE 24 with optional 3 piece 10 top
https://forums.prsguitars.com/threads/holy-fade-batman.5184/
1995 PRS CE 24 with optional 3 piece 10 top
https://reverb.com/item/398467-prs-ce24-with-rare-3-piece-ten-top-emerald-green
Neck, fingerboard, fingerboard inlays and headstock
Neck
ในส่วนของคอ แม้โดย Concept จะต้องการ กีตาร์ ที่ให้เสียงโทนสตรัทก็ตาม แต่ความยาวสเกลก็ยังเป็น PRS คือ 25 นิ้ว ไม่ใช่ 25.5 ไม้คอของ CE 24 ปีเก่าเป็นเมเปิลชิ้นเดียว โปรไฟล์คอในยุค เริ่มแรกเป็น regular (หรือที่ในช่วงนั้นเรียกว่าโปรไฟล์ standard) แต่ต่อมาในปี 91 เปลี่ยนเป็น wide thin และแน่นอน ขึ้นชื่อว่า CE ก็ต้องเข้าคอด้วยน็อต (bolt-on) 4 ตัว ขันลงบนแผ่นเพลทโลหะ ฟิงเกอร์บอร์ดปีแรกเป็นเมเปิลมีโรสวูดเป็นออพชัน แต่ตั้งแต่ปี 1991 ใช้โรสวูดอย่างเดียว (มีบอร์ดเมเปิลบ้าง แต่เป็น special order) radius fingerboard ก็มาตรฐาน prs คือยังโค้ง 10 นิ้วเหมือนเดิม อินเลย์มาตรฐานของ CE ปีเก่าเป็นจุด abalone dots กลมๆ ไม่มีนก แต่ผมเจอบ้างนานๆทีที่เป็น special order birds inlay ซึ่งก็หายากมากๆ
พูดถึงคอของ CE 24 ปีเก่า มีจุดที่น่าสนใจอยู่อย่างหนึ่งคือ เป็นไม้เมเปิลชิ้นเดียวและเลื่อย (cut) แบบ quarter-sawn ซึ่งให้ความแข็งแรงทางโครงสร้างมากกว่าไม้ที่เลื่อยมาแบบ flat sawn/plain sawn/slab sawn เพราะแนวเส้นวงปีของไม้ที่เลื่อยแบบ quarter sawn ประกบกันอยู่หลายชั้นทำมุมเกือบจะตั้งฉากกับบอดี้ ซึ่งเป็นแนวที่แรงดึงของสาย (string tension) กระทำต่อตัวกีตาร์ จึงสร้างความแข็งแรงให้กับคอกีตาร์
1991 PRS CE 24 : vertical-grain layer, quarter sawn maple neck
https://forums.prsguitars.com/threads/advice-on-1991-ce24.18990/
นอกจากนี้ CE 24 รุ่นที่ผลิตก่อนปี 1995 หรือที่มักถูกเรียกว่า Pre Factory นั้น ตรงฐานของคอ หรือที่เรียกว่า neck heel จะมีขนาดเล็กและสั้นกุด ทำให้สามารถเล่นเฟรทในๆได้ง่าย และนอกจากเล่นได้ง่าย มันยังดูเก่า ดูขลัง และดูคลาสสิคสไตล์ Pre Factory อีกด้วย ซึ่งก็แน่นอนว่าสาวกหลายคนจะชื่นชอบ neck heel แบบนี้เป็นพิเศษ ลองดู CE 24 ปี 94 ตัวนี้นะครับ
อันนี้ CE 24 ปี 1993 ของคุณปั๊มครับ เล็กสั้นถูกต้องตามตำรา
Fingerboard
มาถึงฟิงเกอร์บอร์ดเป็นไม้ Indian rosewood และมีออพชันเมเปิลถึงประมาณปี 1990 จากนั้นจึงมีแต่ไม้ Indian rosewood เป็นสเปคมาตรฐาน ซึ่งจะว่าไปแล้ว ออพชันบอร์ดเมเปิลก็มีอยู่ในช่วงที่กีตาร์ซีรีส์นี้ยังใช้บอดี้ไม้แอลเดอร์อยู่ เพื่อเอาใจลูกค้าที่อยากได้อารมณ์สตรั๊ท สตรัทในร่าง PRS นั่นเอง
1989 PRS CE 24 with optional maple fingerboard
https://reverb.com/au/item/4430862-1989-prs-ce-24-black-pearl-w-maple-board
ส่วนอินเลย์นั้นเป็นจุดกลมๆ วัสดุเปลือกหอยอบาโลน (abalone dots) อย่าสับสนกับอินเลย์ moons ของ Custom 24 นะครับ คนละอย่างกัน เพราะ dots ก็คือจุดกลมๆ แต่ moons จะทำเป็นเอฟเฟคท์พระจันทร์เสี้ยว PRS ใช้ abalone dots เป็นอินเลย์มาตรฐานของ CE 24 รุ่นเก่าตลอดอายุของไลน์ผลิตกว่า 20 ปี
1988 PRS Classic Electric abalone dots
บางครั้งเราอาจเจอ CE 24 บางตัวมากับ special order อินเลย์นกอบาโลน แต่จะพบเจอไม่บ่อยนัก ถือเป็น rare item อีกแบบหนึ่งที่ถ้าสาวกท่านใดพบเจอ ผมขอแนะนำว่าสอยได้ก็สอยครับ หายาก มีแล้ว เจ๋ง
https://reverb.com/item/11204349-paul-reed-smith-prs-ce24-2007-mccarty-tobacco
ในปี 1989 เริ่มมีการทำสีของหัวกีตาร์ (headstock facing) ให้เป็นสีดำ และเปลี่ยนข้อความจากคำว่า PRS Electric มาเป็นลายเซ็น Paul Reed Smith สกรีนสีเหลืองตัวเล็กๆ ซึ่งทำให้ CE 24 ดูเหมือนกับ Custom 24 ในยุคเดียวกันชนิดที่ว่าถ้ามองจากด้านหน้าตรงๆ ไม่เห็นสีคอด้านหลังแล้ว แทบไม่สามารถบอกได้ว่านั่นคือ CE 24 หรือ Custom 24 สาวกหลายคนก็มองหา CE 24 ที่มีหัวสีดำแบบนี้
1989 PRS CE 24 : black headstock facing
ลองดูตัวอย่างความเก๋าของ CE 24 ปี 1993 pre-factory ของคุณปั๊ม แบบซูมใกล้ๆนะครับ
ลายเซ็นบน headstock ของ CE 24 ยังมีการเปลี่ยนรูปแบบ อีกครั้งในปี 1994 คือมีขนาดใหญ่ขึ้นและเป็นวัสดุสีทองนูนต่ำ (raised gold signature) แต่ช่วงปลายอายุสายการผลิตก็ไม่ทำสี headstock
1994 PRS CE 24 : ‘raised gold’ headstock signature
ในปี 2005 ปีแห่งการฉลองครบรอบ 20 ปีของการก่อตั้งแบรนด์ PRS กลับมาใช้ headstock แบบไม่ทำสีดำอีกครั้ง
2005 PRS CE 24 un-faced headstock reintroduced
นอกจากไม่ทำสีดำบน headstock แล้ว ยังมีการเพิ่มของปรุงแต่งเล็กๆน้อยๆ เป็นฝา truss rod cover ที่มีการปั๊มคำว่า 20th ลงไปเพื่อเป็นที่ระลึกฉลองครบรอบ 20 ปีการก่อตั้งแบรนด์ แต่เขาดันปั๊มไว้เฉยๆ ไม่ทำสี จึงแทบมองไม่เห็น เหมือนเขาคงอยากฉลองกับรุ่น Custom มากกว่ามั้ง รุ่นนั้นอักแพคเกจฉลองเต็มพิกัดทั้ง truss rod cover ทั้งอินเลย์นก birds in flight ไหนจะฟิงเกอร์บอร์ด Brazilian rosewood อีก
2005 PRS CE 24 ’20th’ engraving on truss rod cover
Electronics
ในส่วนของปิคอัพ CE 24 ในยุคแรกเริ่ม ใช้ปิ๊กอัพสองเซ็ท คือ Standard โดยตำแหน่ง treble เป็นแม่เหล็ก alnico 5 ค่าความต้านทาน 11k และตำแหน่ง bass เป็นแม่เหล็ก alnico 2 ค่าความต้านทาน 8k กับอีกเซ็ทหนึ่งคือรุ่น Vintage (alnico 2 ค่าความต้านทาน 8.5k ทั้งสองตำแหน่ง) ซึ่งให้โทนเสียงนิ่มนวลกว่า ทั้งสองเซ็ทไม่มีฝาครอบ ใช้งานร่วมกับปุ่ม knobs แบบ 1 Volume 1 Tone กับ กับ สวิทช์ 3 ทาง เป็นก้านโลหะอันใหญ่ๆ ที่มีคนตั้งชื่อให้ว่า baseball bat toggle (สวิทช์ทรงไม้เบสบอล) ซึ่งแก๊กกลางเป็นตำแหน่งตัดคอยล์ ส่วนปุ่มหมุนหรือ knobs ใช้แบบวินเทจกลมๆที่เรียกว่า speed knobs ตลอดอายุของสายการผลิต
PRS Vintage Bass pickup on a 1989 PRS Classic Electric (CE)
https://reverb.com/item/869020-prs-classic-electric-1989-pearl-black
PRS Classic Electric original ‘baseball bat’ pickup toggle switch
ต่อมาในปี 1991 PRS เปิดตัวปิคอัพ เซตใหม่ โดยตำแหน่ง treble ชื่อ Hot Fat Screams หรือ HFS ซึ่งสาวก PRS รุ่นเก่าใหม่ทั้งหลายคงคุ้นเคยกันดี และหยิบเอาปิคอัพรุ่น Vintage ตัว bass มาติดตั้งที่ตำแหน่งใกล้คอ ควบคุมด้วย Switch แบบโรตารี่ โดย HFS เป็นแม่เหล็ก ceramic เอาท์พุทแรง ค่าความต้านทาน 14k และ VB เป็นแม่เหล็ก alnico 2 ค่าความต้านทาน 8.5k ซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ก็ทำให้ CE 24 ดูใกล้เคียง Custom 24 มากขึ้นไปอีก
1994 PRS CE 24 : stock HFS/Vintage Bass pickups
Hardware
ในส่วนของฮาร์ดแวร์ CE 24 มากับลูกบิดแบบล็อคสาย ตั้งแต่แรก โดย เริ่มจาก Phase I หรือ Wing Tuner สุดคลาสสิคที่มีกลไกล็อกหน้าตาคล้าย “ปีก” อันเล็กๆ และทยอยเปลี่ยนเป็นลูกบิดล็อกสาย Phase II ซึ่งกลไกรูปปีกหายไปในปี 2001 ตัวอย่างของ PRS Phase II ตามรูปนี้ครับ
2002 PRS CE 24 with Phase II locking tuners
ในส่วนของ Bridge หรือหย่องนั้น มีการใช้คันโยกเป็นสเปคมาตรฐานตั้งแต่ปีแรก คันโยกของ CE 24 ช่วงปี 1988 – 1993 มีการใช้ชุดคันโยกที่ผลิตโดยบริษัท Mil-Com ของคุณ John Mann (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็นยี่ห้อ Mann Made) ผู้ร่วมคิดค้นระบบคันโยกอันเลื่องชื่อของ PRS สมัยที่ยังร่วมงานกับลุงพอลในยุคบุกเบิก จุดเด่นของชุดคันโยกของ Mil Com คือเป็นสำริด (โลหะผสมระหว่างทองแดงกับดีบุก) หล่อขึ้นรูปชิ้นเดียวตั้งแต่ tone block ขึ้นไปถึงตัว plate เลย ซึ่งแน่นอนว่าโลหะชิ้นเดียวก็ต้องให้ซัสเทนดีกว่า แต่ PRS ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นแบบแยกชิ้น plate ออกจาก block ในปี 1993
1987 Mil-Com 1 piece tremolo unit
รูปนี้เป็น tone block ของ CE 24 ปี 1993 ของคุณปั๊ม สังเกตคำว่า MIL-COM นะครับ
ตั้งแต่ปี 1994 เป็นต้นมา PRS ก็เริ่มทยอยใช้บริดจ์คันโยกแบบ 2 ชิ้น ซึ่งแยก tone block ทองเหลืองออกจากแผ่น plate ทองเหลือง มีหมุด 3 อันยึดไว้อย่างแน่นหนา เราจะสังเกตคันโยกแบบใหม่นี้ได้ง่ายๆ โดยการมองหาหัวน็อตหกเหลี่ยมกลมๆ 3 อันบริเวณใต้ saddles น็อตพวกนี้ทำหน้าที่ยึดแผ่น plate กับ tone block เอาไว้ ตามรูปข้างล่างนี้ครับ
2002 PRS CE 24 with updated 2-piece tremolo
น็อต 3 ตัวนั้นทำหน้าที่เป็นตัวยึด tone block ทองเหลืองไว้กับแผ่น plate สังเกตรอยต่อนะครับ
http://yustech.blogspot.com/2018/04/prs-tremolo-why-its-better-mouse-trap.html
ในช่วงปี 1995 ถึง 2001 มีออพชัน Stoptail ให้เลือกซึ่งถือว่าเป็น rare item เพราะดูเหมือนว่าออพชันนี้ไม่ค่อยได้รับความนิยมเท่าใดนัก อาจเพราะมันไปลดความ “straty” หรือไม่ก็ทำให้ดูไม่ค่อยเหมือน Custom 24 ผมก็ไม่แน่ใจ แต่โดยส่วนตัวผมชอบออพชันนี้มาก น่าสนใจยิ่งกว่าอินเลย์นกเสียอีก เพราะการมี stoptail ช่วยเพิ่มซัสเทน ช่วยเพิ่ม bass impact และอันนี้สำคัญ มันดูเจ๋ง เพราะคนอื่นไม่ค่อยมีแบบนี้ ฮ่าๆๆ
1998 PRS CE 24 with optional stoptail
ปุ่มหมุนหรือ knobs CE 24 รุ่นเก่าใช้แบบคลาสสิคที่เรียกว่า speed knobs เป็นสเปคมาตรฐานตลอดอายุการผลิต
PRS CE 24 speed knobs
Finish
สำหรับการเคลือบ (finish) นั้น CE 24 มากับการเคลือบสองชั้นสไตล์ PRS ในยุคนั้น คือชั้นในสุดเคลือบด้วยโพลีเอสเตอร์ และชั้นนอกเคลือบด้วยอะคริลิคที่ใสและแข็งราวกับแก้ว ซึ่งเป็นที่มาของลุควิ้งๆ สวยหรูของ PRS แต่ในอีกมุมหนึ่ง สำหรับสาวกหลายคนก็จะทราบกันดีว่า การเคลือบของ PRS CE 24 ไม่เว้นแม้กระทั่ง Custom 24 ในยุคนั้น มาพร้อมกับปัญหารอยฝ้า ซึ่งส่วนหนึ่งมีสาเหตุมาจากความชื้นและอุณหภูมิ ที่ค่อนข้างสูง และอาจพูดได้อีกอย่างหนึ่งว่า เทคนิคการเคลือบในยุคนั้นไม่ค่อยต้านทานกับลักษณะภูมิอากาศโดยเฉพาะสภาพอากาศร้อนชื้นของบ้านเราได้ดีเท่าไหร่นัก
Tone
มาถึงในส่วนของโทนเสียงกันบ้าง อย่างที่ได้บอก ไป CE 24 ถูกสร้างขึ้นเพื่อให้มีความเป็นสตรัทมากกว่า Custom 24 และแม้จะมีการเปลี่ยนไม้ body เป็นมาฮอกกานีในปี 1995 โทนเสียงสไตล์สตรัทก็ยังคงอยู่ คือ คลีนสะอาด เสียงตัดคอยล์มีความ เด้ง ใส ไบรท์ เป็นธรรมชาติ เป็นโทนเสียงที่หาไม่ได้จาก Custom 24 ในส่วนของเสียงแตกก็มีความดุดันแทบไม่ต่างจาก Custom 24 เพราะใช้ปิคอัพตัวแรง HFS+Vintage bass เหมือนกัน แต่ CE 24 จะมีย่านเบสที่โฟกัสกว่า พร้อมกับย่านแหลมที่มากกว่า และแม้จะใช้ปิ๊กอัพชุดเดียวกัน แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม CE 24 ก็จะยังมีความใสเด้ง สะอาด มากกว่า Custom 24 เสมอ เหตุผลก็เนื่องจากโครงสร้าง ตามที่ผมได้บอกไปแล้วนั่นเอง
1988 PRS Classic Electric (CE), solid alder body, 3 way ‘baseball bat toggle’ style pickup switching
2005 PRS CE 24 rotary pickup switching
คาแรคเตอร์นี้ของ CE 24 ทำให้ผมมองว่า แม้ CE 24 จะใช้ไม้เมเปิ้ลทำคอ ต่อด้วยน็อต ทำให้ลดต้นทุนการผลิตก็จริงอยู่ แต่แม้ราคามันจะต่ำกว่า Custom 24 ก็ตาม สิ่งที่เราได้มานั้นเป็น “ความแตกต่าง” ไม่ใช่การลดทอนคุณภาพเสียงแต่อย่างใด มิหนำซ้ำยังเป็นกีตาร์ PRS รุ่นอเมริกาที่มาในราคาค่าตัวที่คุ้มค่า สาวก PRS ตัวจริงจะเข้าใจความจริงเรื่องนี้ จึงตามหา ตามเก็บ PRS CE 24 แต่คนที่ไม่ได้ติดตามกีตาร์แบรนด์นี้ หรือไม่ได้สนใจศึกษาข้อมูลก็มักมอง CE 24 ว่าเป็นเพียง PRS รุ่นราคาถูกสำหรับลูกค้าที่ไม่อยากจ่ายในราคา Custom 24 เท่านั้น
ปี 2008 PRS ได้เปลี่ยนไม้บอดี้อีกครั้ง โดยย้อนกลับไปใช้ไม้ alder ทั้งตัวและไม่ทำสีดำที่หัวกีตาร์ พูดง่ายๆ คือทำย้อนยุคคล้ายปีแรกของการผลิต และเจ้า CE 24 เวอร์ชันแอลเดอร์ย้อนยุคนี้ก็เป็นจุดสิ้นสุดของ CE 24 เจเนอเรชันแรกในปี 2009 ถือเป็นไลน์ผลิตที่ยาวนานมากที่สุดรุ่นหนึ่งของ PRS ซึ่งกินเวลายาวนานถึง 20 ปี
PRS CE 24 รุ่น 2 (2016 – ปัจจุบัน)
- Body : mahogany back
- Top : maple
- Neck : bolt-on maple, scarf-joint, satin finish
- Neck profile : pattern thin
- Scale length : 25″
- Fingerboard : East Indian rosewood
- Fingerboard inlay : synthetic old school birds
- Fingerboard binding : none
- Headstock facing : none
- Headstock decals : PRS signature in raised silver
- Truss rod cover text : CE
- Tuners : PRS designed locking (Korean made)
- Bridge : PRS tremolo, steel saddles and tone block (Korean made)
- Pickups : 85/15 (USA)
- Electronics : McCarty electronics (Korean made)
- Knobs : lampshade
- Accessories : deluxe gig bag
2016 PRS CE 24 re-introduced
2016 PRS CE 24 in royal blue metallic with satin-black-finished neck
หลังจากหยุดสายการผลิตไป 7 ปี PRS ชุบชีวิต CE 24 ขึ้นมาใหม่ในปี 2016 สำหรับ CE24 ยุคปัจจุบันนี้แม้ยังอยู่บนพื้นฐานของ CE24 เจเนอเรชันที่เคยเลิกผลิตไป คือยังใช้บอดี้มาฮอกกานีกับคอเมเปิลเข้าคอด้วยน็อต แต่ในรายละเอียดมีความแตกต่างกันหลายอย่างนะครับ
Body and top woods
เริ่มจากโครงสร้าง CE 24 ตัวใหม่นี้แชร์โครงสร้างเดียวกับไลน์ S2 เริ่มจากบอดี้ที่บางกว่า core Custom 24 โดยตัวเลขจากข้อมูลโดยคุณ Dave Berluck จากเว็บไซต์ musicradar.com ระบุว่า CE 24 รุ่นใหม่ มีความหนาโดยรวมประมาณ 44 มิลลิเมตร เป็นความหนาของบอดี้มาฮอกกานีประมาณ 31 มิลลิเมตร และเป็นของท็อปเมเปิลอีก 13 มิลลิเมตร ซึ่งแตกต่างจาก CE 24 ตัวเก่าและ core Custom 24 ที่มีความหนาโดยรวม 49 มิลลิเมตรโดยมีชั้นความหนาของไม้มาฮอกกานีประมาณ 28.5 มิลลิเมตร ที่เหลือเป็นไม้เมเปิล พูดได้อีกอย่างว่า CE 24 ตัวใหม่นี้ นอกจากตัวบางลงแล้ว ยังมีสัดส่วนของไม้มาฮอกกานีต่อเมเปิลสูงกว่า CE 24 ตัวเก่า จุดสังเกตไม้ท็อปที่บางลงครึ่งเซนติเมตร คือ ไม่มีการเจาะหลุมบนผิวไม้ทอปบริเวณรอบปุ่มหมุนบนตัวกีตาร์เนื่องจากความหนาของเนื้อไม้จากในโพรง electronics cavity ถึงผิวไม้ทอป บางพอจนก้าน (shaft) ของปุ่มหมุนสามารถทะลุผ่านออกมาถึงด้านนอกได้พอดีโดยไม่ต้องขุดหลุมบนหน้าไม้ท็อปช่วยเหมือนของ CE 24 ตัวก่อน
2005 PRS CE 24 : recessed top allows for knob shafts length
2017 PRS CE 24 : thinner top without recessing
https://forums.prsguitars.com/threads/2016-prs-ce-24s-are-here.16270/
แต่แม้ไม้ทอปเมเปิลจะมีความหนาประมาณ S2 แต่ PRS ก็ให้ความใส่ใจกับการเก็บงานของ CE มากกว่า S2 เพราะมีการเกลา (carve) ไม้ทอปให้มีส่วนโค้งให้ดูคล้าย core Custom 24 ซึ่ง PRS เรียกการทำทอปโค้งไม่มากสไตล์ CE24 ตัวใหม่นี้ว่า modified carved top เพราะส่วนเว้าโค้งของมันได้รับการปรับองศาใหม่ ไม่เท่าทอปของ Custom 24 นั่นเอง นอกจากเรื่องมิติหนาบาง ในส่วนของลายไม้ก็คล้าย S2 คือจะไม่มีการคัดลายหรือมีออพชันเลือกเกรดแต่อย่างใด แต่บางทีผมก็เจอบ้าง ที่ดีลเลอร์ใหญ่ๆ สั่งสเปคพิเศษ เช่น 10 top แต่ต้องบอกว่านั่นไม่ใช่สเปคมาตรฐานนะครับ
Neck and fingerboard
โครงสร้างส่วนต่อไปที่ผมบอกว่าใช้กรรมวิธีของ S2 คือ คอ CE24 ใหม่ใช้ไม้เมเปิลทำคอซึ่งแตกต่างจาก S2 Custom ก็จริง แต่การขึ้นรูปคอนั้นใช้กรรมวิธีที่เรียกว่า scarf joint เหมือนกัน คือ เป็นการนำไม้มาต่อกันในแนวทะแยงทำเป็นส่วนคอชิ้นหนึ่ง ส่วนหัวชิ้นหนึ่ง และชิ้นเล็กๆอีกชิ้นหนึ่งประกบตรงปลายอีกด้านหนึ่งเพื่อทำเป็น “ฐานคอ (neck heel)” ไม้คอทุกชิ้นถูกเชื่อมติดกันด้วยกาวประสิทธิภาพสูง ถ้าใครนึกภาพตามไม่ออกว่า scarf joint ต่อไม้อย่างไร สามารถอ่านรายละเอียดได้ที่นี่ครับ
เหตุผลที่ PRS ใช้วิธีการเช่นนี้ทำคอ ก็เพื่อลดต้นทุนในการใช้ไม้ให้มีประสิทธิภาพมากกว่า core Custom 24 ที่ใช้ไม้ท่อนเดียวมาเหลาจนเป็นคอกีตาร์ การทำคอแบบ scarf joint จะใช้ไม้ที่มีความหนาเพียงประมาณคอกีตาร์ช่วงในๆ แล้วก็อาศัยการต่อไม้เพิ่มให้เป็นรูปเป็นร่างทีหลัง จึงเซฟการใช้ไม้ได้มากกว่าเป็นเท่าตัว สำหรับการคอไม้ด้วยกาวนั้นไม่ใช่เรื่องน่ากลัวหรือเป็นเรื่องใหม่แต่อย่างใดนะครับ กาวยึดไม้นั้นมีพลังการยึดเกาะที่แข็งแรงกว่าตัวไม้เสียอีก และก็มีการใช้กรรมวิธีนี้มานานแล้วแม้แต่กีตาร์โปร่งซึ่งมักมากับสายเบอร์ใหญ่และคอต้องรับแรงตึงสายมากกว่ากีตาร์ไฟฟ้าก็นิยมใช้กรรมวิธีนี้ในการต่อไม้ทำคอ ยกตัวอย่างกีตาร์โปร่งแบรนด์หรูอย่าง Taylor ตั้งแต่ราคาหลักหมื่นถึงหลักแสน ก็ต่อคอแบบนี้
คอของ CE24 ตัวใหม่นี้มาในโปรไฟล์บางแบบใหม่ที่เรียกว่า Pattern thin ซึ่งตรงนี้จะต่างจากพวก S2 เพราะ S2 ทั้งหมดจะใช้โปรไฟล์ Pattern regular คอของ CE เคลือบด้าน ทำให้เล่นง่าย การเข้าคอก็ใช้น็อต 4 ตัวขันลงบนแผ่น neck plate โลหะตามสูตรเดิม แต่จะไม่มีการตอก serial number เหมือนสมัยก่อน เพราะใช้การเขียนเลขเอาไว้ตรงปลายด้านหลัง headstock เหมือน Custom 24 สำหรับการเข้าคอของ CE24 จะต่างจากของ Silver Sky ตรงที่ joint ของ CE24 เป็นทรงบล็อกสี่เหลี่ยมสไตล์ PRS DC3 ซึ่งตรงปลาย neck heel มีลักษณะโค้งมน แต่ CE 24 เป็นสี่เหลี่ยม ในส่วนของfingerboard CE ตัวใหม่ก็ยังใช้ไม้ East Indian rosewood และมีการลบเหลี่ยมมุมบอร์ดไว้เรียบร้อยตามมาตรฐานอเมริกา
Decorations
มาถึงงานประดับ headstock ของ CE รุ่นใหม่โชว์เนื้อไม้เมเปิลขาวๆเลย ไม่มีทำสีดำปิดทับ อินเลย์เป็นนกเต็มตัวสไตล์ old school birds ใช้วัสดุพลาสติกชนิดหนึ่ง (แต่คนละอย่างกับของ SE นะครับ) บอร์ดก็เรเดียส 10 นิ้วปกติ เฟรททั้ง 24 อันก็ไซส์ medium jumbo มาตรฐาน PRS
Pickups and electronics
จุดต่อไปที่เป็น hilight ของ CE ตัวใหม่นี้คือ ปิคอัพ เพราะถึงแม้จะใช้พาร์ทจากเกาหลีหลายส่วน แต่ปิคอัพใช้ humbucker รุ่น 85/15 เวอร์ชัน USA แท้ๆ (ตัวเดียวกับที่มากับ Custom 24 USA) ซึ่งดีไซน์ปิคอัพให้เป็นสี่เหลี่ยมฟิตพอดีช่องและมีหน้าโค้งรับกับเรเดียสของสาย ปิคอัพชุดนี้มากับชุดควบคุมสไตล์ McCarty electronics เวอร์ชันเกาหลี ประกอบด้วย toggle 3 ทาง 1 volume 1 push-pull tone ไว้ดึงตัดคอยล์ และวอลุ่มตัวนี้มี treble bleed capacitor ช่วยรักษาย่านแหลมของเสียงกีตาร์เอาไว้เมื่อมีการลดวอลุ่มลง ส่วนรูแจ๊ค ยกของ core USA มาใส่
2017 PRS CE 24 with 85/15 USA pickups
Hardware and accessories
hardware หรืออะไหล่ของ CE ใหม่ ก็มีการเปลี่ยนแปลง เริ่มจากลูกบิดล็อกสาย PRS designed หน้าตาคล้าย Phase II ที่เลิกผลิตไป คราวนี้มาในเวอร์ชันทำในเกาหลี เสาทองเหลือง นัทยกเอาเวอร์ชัน core USA มาใส่ ชุดคันโยกทำในเกาหลี ประกอบด้วย saddles และ tone block เป็นเหล็ก ปุ่มหมุนหรือ knobs ยกเอา lampshade จากรุ่น USA มาใส่ สเปคมาตรฐานของอะไหล่ทั้งหมดชุบนิเกิล ไม่มีออพชันทอง นอกจากนี้ เมื่อพลิกดูหลังบอดี้เราจะเห็นว่าแผ่นฝาปิด control cavity ของ CE 24 ใหม่ถูกติดไว้ “บน” ผิวบอดี้ หรือพูดอีกอย่างว่า “ไม่ฝังตัว” ในระนาบเดียวกับผิวไม้ ซึ่งเป็นสไตล์เดียวกันกับของ S2 นั่นเอง
new CE 24 มากับกระเป๋าสะพายอย่างหนา (คนละอย่างกับของ SE) ไม่มีเคส
เสียงและสัมผัส
จากที่ผมเคยลองของจริงมา CE 24 ใหม่ยังคงเล่นง่ายไม่ต่างจากตัวเก่า แต่ด้วยความที่ตัวบางลงทำให้มันรู้สึกคล่องตัวขึ้น น้ำหนักเบาลง เสียงของ CE ใหม่มีความละมุนและลดความแผดกร้าวลงจากตัวก่อน ย่านเบสมีให้ใช้ไม่หายไปไหน ย่านกลางเหมือนถูกกดไว้นิดๆ ย่านแหลมเด่นสุดแต่ก็ไม่ได้แหลมบาดหู คล้ายๆว่าปลายยอดของ EQ ทางขวาสุด (ย่านแหลม) ถูกลดลงไปนิดๆ การตอบสนองดี มีไดนามิคดีเยี่ยม คือเมื่อเล่นกับเสียงแตก มันจะแตกมาก-น้อยตามน้ำหนักการดีด และหากเราลดวอลุ่มลงเสียงก็คลีนขึ้นโดยย่านแหลมไม่กุด เสียงตัดคอยล์ใสได้ใจ ได้กลิ่นสตรัทชัดกว่าใช้ Custom 24 ปิคอัพรุ่นเดียวกันมาตัดคอยล์ แน่นอนว่าสาเหตุหนึ่งเป็นผลจากการใช้คอเมเปิลต่อน็อต รวมทั้งสัดส่วนการใช้ไม้มาฮอกกานีและเเมเปิลที่แตกต่างกันนั่นเอง
ผมขอเปรียบเทียบ CE 24 ตัวใหม่เป็นเหมือนกระดาษสีขาวหรือครีมอ่อนๆ ถ้าเราเอากระดาษสีพื้นๆแบบนี้มาระบายสี เราจะเห็นสีที่เราระบายได้ชัดเจนกว่ากระดาษสีอื่นๆ ผมคิดว่า CE 24 ใหม่นี้ เหมาะมากกับคนที่ใช้เอฟเฟคท์ ชอบปรับแต่งต่อในสไตล์ของตัวเอง เน้นความหลากหลายเล่นได้กว้างๆ ไม่อยากจำกัดโทนเสียงกีตาร์ไว้เฉพาะแนวใดแนวหนึ่งนะครับ นอกจากนี้ ผมมองว่า องค์ประกอบของ CE 24 ตัวใหม่ ช่างเข้ากันกับคาแรคเตอร์ของปิคอัพ 85/15 USA อย่างเหมาะเจาะ เหมือนว่าคอเมเปิลช่วยทำให้เราได้ยินความสะอาด ความใส รวมถึง detail ของเสียงจากปิคอัพรุ่นนี้ได้ง่ายกว่า ชัดกว่าคอมาฮอกกานีของ Custom 24 แต่ขอย้ำว่านี่คือความเห็นส่วนตัวของผมนะครับ เรื่องเสียงไม่มีถูกผิดครับ แล้วแต่ใครชอบส่วนผสมแบบไหนมากกว่าครับ ถ้าเพื่อนๆ เลือก Custom 24 (รุ่นที่มากับปิคอัพ 85/15) เพื่อนๆจะได้เสียงเบสที่หนาขึ้น มวลเสียงโดยรวมมีความทุ้มมากขึ้น ลึกมากขึ้น ฟังดูสุขุมมากกว่าเด้งๆ และได้เกรดไม้กับงานที่สูงไปอีกระดับตามมาตรฐาน core Custom ซึ่งก็แน่นอนว่าราคาก็สูงตามไปด้วยครับ
CE 24 Standard Satin limited edition (2016 – 2017)
- Body : solid mahogany
- Neck : bolt-on maple, scarf-joint, satin finish
- Neck profile : pattern thin
- Scale length : 25″
- Fingerboard : East Indian rosewood
- Fingerboard inlay : synthetic old school birds
- Fingerboard binding : none
- Headstock facing : none
- Headstock decals : PRS signature in raised silver
- Truss rod cover text : CE
- Tuners : PRS designed locking (Korean made)
- Bridge : PRS tremolo, steel saddles and tone block (Korean made)
- Pickups : 85/15 (USA)
- Electronics : McCarty electronics (Korean made)
- Knobs : lampshade
- Finish : Nitrocellulose satin
- Accessories : deluxe gig bag
นอกจากนี้ ระหว่างปี 2016 – 2017 ยังมี CE 24 เวอร์ชันบอดี้มาฮอกกานี้ล้วน CE 24 Standard Satin ออกมาด้วย โดยเปลี่ยนสเปคเล็กน้อย จากบอดี้มาฮอกกานีแปะเมเปิลท็อป เป็นมาฮอกกานีล้วน ไม่มีท็อป ปาดหน้าโค้งและเคลือบด้าน satin nitrocellulose ทั้งตัว นอกนั้นสเปคในส่วนอื่นๆก็เหมือนกับ 2016 CE 24 ทุกประการ แต่ได้ราคาที่ถูกลงถึงหมื่นกว่าบาท ซึ่งจากที่ผมได้สัมผัสของจริงมา นับว่าเป็นกีตาร์ PRS USA มือหนึ่งที่คุ้มค่าที่สุดรุ่นนึงเลยก็ว่าได้ เสียงของปิคอัพ 85/15 USA กับคอเมเปิลยังคงเอกลักษณ์อยู่ดังเดิม แต่เหมือนเพิ่มย่านเบสเล็กน้อย การตอบสนองรวดเร็ว กระชับยิ่งขึ้นอีกหน่อย และมันดูมีเสน่ห์เฉพาะตัว ตรงที่มันดูลุยๆ พร้อมออกงาน ไม่กลัวเป็นริ้วรอย
CE 24 Standard Satin ผลิตจำนวนจำกัดตามออเดอร์ของตัวแทน บ้านเราก็มีขายนะครับ ราคาแถวๆหกหมื่นต้นๆ
2016 PRS CE 24 Standard Satin in McCarty tobacco sunburst
2016 PRS CE 24 Standard Satin in satin black
PRS CE 24 Reclaimed Limited (2017)
- Body : mahogany back, semi hollowbody
- Top : Peruba rosa
- Neck : bolt-on maple, scarf-joint, satin finish
- Neck profile : pattern thin
- Scale length : 25″
- Fingerboard : Brauna preto
- Fingerboard inlay : synthetic old school birds
- Fingerboard binding : none
- Headstock facing : none
- Headstock decals : PRS signature in raised silver
- Truss rod cover text : CE
- Tuners : PRS designed locking (Korean made)
- Bridge : PRS tremolo, steel saddles and tone block (Korean made)
- Pickups : 85/15 (USA made)
- Electronics : McCarty electronics (Korean made)
- Knobs : lampshade
- Finish : Satin nitrocellulose
- Accessories : deluxe gig bag
โปรเจคท์ Reclaimed Limited (รีเคลมด์ ลิมิเต็ด) เกิดจากไอเดียของ Michael Reid ผู้จัดการอาวุโสแผนกจัดซื้อไม้ ซึ่งร่วมงานกับลุงพอลมาตั้งแต่ยังไม่ก่อตั้งบริษัท PRS คอนเซพท์ของโปรเจคท์นี้คือการไปหาไม้เก่าที่ใช้ทำบ้านเรือน โรงนา สิ่งปลูกสร้างต่างๆ ตามชนบทของประเทศบราซิลเพื่อมารีไซเคิลผลิตเป็นกีตาร์ 2 รุ่น ได้แก่ S2 Vela และ CE 24 ในบอดี้สไตล์ semi-hollow โดยไม้ที่ไมเคิลไปเสาะหามานั้นมี 2 สายพันธุ์ คือ Peruba Rosa (เพรูบา ฮอซา) และ Brauna Preto (บราวนา เพรโต) ซึ่งเป็นไม้ประหลาดที่ผมก็ไม่เคยได้ยินชื่อ โดยบ้านเก่าที่ว่านั้น มีอายุตั้งแต่ 75 – 150 ปี
ไม้ที่ PRS ไปงัดมาจากบ้านเก่าในบราซิลเพื่อรีไซเคิลทำกีตาร์ (หรือเรียกอีกอย่างว่าการ reclaim) ทั้งสองชนิด เอามาทำส่วนต่างๆ ของกีตาร์ซีรีส์ Reclaimed ltd ดังนี้ครับ
1) ไม้ peruba rosa มีสีน้ำตาลแดงโทนเข้ม เป็นไม้ที่มีความแข็งแรง เนื้อแข็ง ปลวกไม่กิน ชาวบราซิลใช้ไม้ชนิดนี้ทำโครงสร้างหลักของอาคาร เช่น เสา ขื่อ PRS งัด-ขุด ไม้ชนิดนี้มาทำฟิงเกอร์บอร์ด
2) ไม้ brauna preto ไม้ชนิดนี้ใช้ทำฝาบ้าน PRS งัดไม้ชนิดนี้มารีไซเคิลทำไม้ท็อปกีตาร์ซีรีส์นี้
โครงสร้างส่วนอื่นๆก็เป็น new CE24 คือไม้หลังเป็นมาฮอกกานี “ชิ้นเดียว” มาตรฐาน PRS USA คอเมเปิล เข้าคอด้วยน็อต โปรไฟล์คอบาง อินเลย์นกวัสดุสังเคราะห์ ปิคอัพ 85/15 USA ตัดคอยล์ได้ ลูกบิดล็อกสายเสาทองเหฃืองดีไซน์โดย PRS แต่ผลิตที่เกาหลี คันโยกบล็อกเหล็ก แต่ reclaimed เคลือบ nitro satin ทั้งตัวนะครับ ให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติ และเอื้อต่อการสั่นของไม้ดีกว่า poly + acrylic ซึ่งเป็นการเคลือบที่แข็งกว่า
และด้วยความที่ไม้ brauna preto ที่นำมาใช้ เป็นอดีตฝาบ้าน (ฮ่าๆๆ) ความหนาของมันจึงไม่มากนัก การเอามาทำท็อปกีตาร์จึงต้องเป็นรุ่นที่มีท็อปไม่หนามาก ซึ่งกีตาร์ CE 24 รุ่นใหม่กับ S2 Vela ตอบโจทย์ อีกทั้งด้วยความที่เป็นไม้เก่ามากๆ จุดขายสำคัญจึงอยู่ที่ความก้องกังวานของไม้ที่แห้งโดยกาลเวลาตามธรรมชาติ โครงสร้างแบบตัวกลวง หรือกึ่งกลวง จึงมีความเหมาะสมอย่างยิ่ง
โปรเจคท์รีเคลมด์นี้ได้รับความสนใจอย่างท่วมท้น จากที่ประกาศเปิดรับออเดอร์ระหว่างต้นเดือนมีนาคม – เมษายน 2017 แต่ปรากฏว่ายอดจองเต็ม 600 ตัวตั้งแต่สองวันแรก ลูกค้าที่ได้รับกีตาร์ก็ต่างโพสต์รูปกัน ซึ่งเราจะเห็นว่า สภาพของไม้ท็อปแต่ละตัวนั้นเต็มไปด้วยร่องรอยแห่งการเป็นไม้อาคารที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาอย่างโชกโชน ทั้งรอยปริ รอยแยก รูตะปู เรียกว่าคาดเดาไม่ได้เลยว่าแต่ละตัวจะได้รอยอะไรมาบ้าง แต่จาก feedback ในต่างประเทศ ลูกค้าจะชื่นชอบตัวที่ริ้วรอยเยอะๆ ดูเก่าๆ มากกว่าตัวที่เนี้ยบๆ เป็นสเน่ห์เฉพาะตัวที่ PRS รุ่นไหนๆ ก็ไม่มีเหมือนมัน
คลิปเดโม CE 24 Reclaimed ผมไม่เห็น demonstrator คนไหนจะเหมาะไปกว่าคนนี้แล้วครับ เทพฟิวชั่น Tom Quayle
ข้อมูลเกี่ยวกับ CE24 Reclaimed limited ผมทำสรุปไว้ละเอียดๆแล้ว กดอ่านได้ที่นี่ครับ
PRS CE 24 เวอร์ชันอื่นๆ
สำหรับ CE 24 รุ่นใหม่ นอกจากที่ผมได้นำเสนอไป ก็ยังมีเวอร์ชันพิเศษอื่นๆอีก แต่ส่วนใหญ่ก็เป็นการปรับสเปคเล็กๆน้อยๆ ไม่ได้เปลี่ยนแปลงโครงสร้างหรือสปีชีส์ไม้ เช่น เคลือบด้าน, 10 top, ติดปิคอัพรุ่นอื่นที่ไมใช่ 85/15 ซึ่งจะมีขายบางภูมิภาคหรือบางประเทศเท่านั้น
2016 PRS CE 24 Satin limited run
http://www.prsguitarseurope.com/2016/10/limited-edition-satin-nitro-ce-models/
2017 PRS CE 24 limited run with 57/08 humbuckers
การเช็กปีผลิตของ PRS CE 24 รุ่นเก่า
เนื่องจาก CE 24 รุ่นแรกมีการเปลี่ยนสเปคหลายครั้งในช่วงชีวิตของมัน ดังนั้น การทราบ serial number ของกีตารืซีรีส์นี้จึงเป็นเรื่องสำคัญ อย่างน้อยอาจช่วยให้เพื่อนๆ รู้สเปคคร่าวๆของกีตาร์ของตัวเอง (หรือกีตาร์ CE ที่เล็งๆไว้จะซื้อ) เพราะสเปคบางอย่างไม่มีบอกในเอกสารใดๆเลย อยากรู้ต้องเช็กปี หรือบางทีถ้าไม่แน่ใจอาจต้องเปิดฝาส่องดูเนื้อไม้กันเลยทีเดียว
สำหรับระบบการ run เลข serial ของซีรส์ CE 24 ก็คล้ายกับกีตาร์ PRS USA รุ่นอื่นๆ คือเลขตัวแรกใช้บอกปีที่ผลิต แต่สำหรับเลข serial number ของ CE 24 ยุคแรกนั้น ยังมีรายละเอียดปลีกย่อยอื่นๆที่เราต้องรู้ ถ้าไม่รู้อาจมีงง มีอะไรบ้างนั้น ไปดูกันครับ
Serial number ของ CE 24 ปีเก่า อยู่ตรงไหน?
ในระหว่างปี 1988 – 1989 เลข serial จะใช้วิธีปั๊มด้วยหมึก โดยจะปั๊ม serial ลงตรงหลัง headstock บริเวณปลายๆ หรือพูดง่ายๆก็คือที่เดียวกันกับของพวก core Custom 24 นั่นแหละ แต่ในปี 1989 PRS เปลี่ยนไปใช้วิธีการปั๊มเลข serial ลงบนแผ่น neck plate ที่ยึดน็อตต่อคอแทน และใช้วิธีนี้เรื่อยมาจนสิ้นสุดสายการผลิต CE 24 รุ่นแรก
ระบบการ run เลข serial ของ CE 24 ที่ผลิตระหว่างปี 1988 – 1997
สำหรับ CE 24 ในช่วง 10 ปีแรกของการผลิต ไม่ว่าจะปั๊มเลขไว้ตรงหัวกีตาร์ หรือบน neck plate ก็ใช้ระบบ serial แบบนี้:
ปี (1 หลัก) + เลข 7 + เลขลำดับการผลิต
ถ้าเพื่อนๆ งง ว่า ทำไมต้องมีเลข 7 คำตอบก็คือ PRS ใช้เลข 7 ในการบ่งบอกว่าเป็นซีรีส์ CE ลองดูตัวอย่าง Classic Electric หรือ CE ปี 1988 ปีแรกตัวนี้นะครับ:
เลข 870525 ความหมายของมันก็คือ เป็นกีตาร์ PRS ที่ผลิตในปี 1988 – 1989 เป็นรุ่น CE/Classic Electric และผลิตเป็นตัวที่ 525
สำหรับ CE 24 ที่ผลิตตั้งแต่ปลายปี 1989 ถึงปี 1997 เลขซีเรียลย้ายที่จากที่ headstock ไปอยู่บน neck plate แทน โดยระบบการรันเลขก็ยังเหมือนเดิม
ระบบการ run เลข serial ของ CE 24 ที่ผลิตระหว่างปี 1997 – 2009
สำหรับ CE 24 ในช่วง 13 ปีที่เหลือของเจเนอเรชัน มีการเปลี่ยนโค้ดของซีรีส์ CE จากเลข 7 ไปเป็นรหัส CE แทน เหตุผลก็เพื่อลดความสับสน อีกทั้งในเวลานั้นเริ่มมีกีตาร์ซีรีส์ใหม่ๆ เพิ่มขึ้นด้วย ปี 1997 เป็นปีที่ PRS เริ่มใช้โค้ด CE
ปี (1 หลัก) + CE + เลขลำดับการผลิต
ดังตัวอย่าง CE 24 ปี 1997 ในรูป
1997 PRS 24 new ‘CE’ code on serial number
https://reverb.com/nz/item/5132707-prs-paul-reed-smith-ce-24-maple-top-w-case-1997-cherry-sunburst
การเช็กปีผลิตของ PRS CE 24 รุ่นใหม่ (2016 – ปัจจุบัน)
สำหรับ CE 24 ปีใหม่ใช้ระบบการรันเลขและการเขียนเลขไม่ต่างจาก core Custom 24 นะครับ ก็คือเขียนไว้หลัง headstock โดยมีเลขปีนำหน้า ซึ่งเลขปีก็มี 2 หลักมองปุ๊บเข้าใจเลย ไม่ต้องตีความอะไร ส่วนตรงแผ่น neck plate ก็จะมีแต่ block logo PRS เท่านั้น ไม่มีเลขซีเรียล ลองดูรูปตัวอย่างของ CE 24 Standard Satin จากร้าน Music Collection ครับ
ส่งท้าย
สำหรับ PRS Classic Electric 24 หรือ CE 24 ตั้งแต่เริ่มต้นถึงปัจจุบันก็จะมีประมาณนี้นะครับ สำหรับ CE 22 รุ่นน้องของมันผมจะนำเสนอในโอกาสต่อไปครับ ขอบคุณที่ติดตามอ่านนะครับ