รีวิวปิคอัพกีตาร์ Fishman Fluence Tosin Abasi Signature 7 String

Key takeaways

  • ปิคอัพแอคทีฟแบบ high output รุ่นลายเซ็นของมือกีตาร์สาย prog metal คนดัง
  • มากับสารพัด voicings ครอบจักรวาล
  • แต่ก็มีบางประเด็นที่ควรทราบก่อนตัดสินใจ

ผมเป็นคนนึงที่ชอบการทดลองโมดิฟายปรับแต่งเครื่องดนตรีให้ตอบโจทย์ความต้องการของตัวเองอยู่เสมอ ตั้งแต่การ setup พื้นฐานอย่างการปรับความสูงของสายและการเปลี่ยนอะไหล่เล็กๆ น้อยๆ ไปจนถึงการเปลี่ยนสีของกีตาร์ทั้งตัว แต่งานอัพเกรดที่ผมทดลองมาเยอะและหมกมุ่นกับมันมากที่สุดคือการทดลองปิคอัพรุ่นต่างๆ เพื่อหาโทนที่ลงตัวที่สุดสำหรับการใช้งานของตัวเอง สำหรับปิคอัพที่ผมจะรีวิววันนี้คือ Fishman Fluence Tosin Abasi 7 สายที่ผมสั่งมาใส่กับ PRS SE SVN ของผมนะครับ

มันคืออะไร

มันคือปิคอัพชนิด active (คือต้องใช้ไฟจากแบตเตอรี่เลี้ยงระบบ คล้ายๆ พวก EMG หลายรุ่น) เป็นรุ่นลายเซ็นของ Tosin Abasi มือกีตาร์ฝีมือสุดล้ำของวง Animals as Leaders วงแนว progressive metal ที่ผมดูเค้าเล่นทีไรก็รู้สึกทึ่งกับเทคนิคการเล่นกีตาร์ 8 สาย

ปิคอัพรุ่นนี้มีตั้งแต่ 6 – 8 สาย และมีหน้าตากับรูปแบบการติดตั้งทั้งแบบ soapbar และแบบมีขายื่นออกไป ดังรูป แต่เนื่องจากกีตาร์ PRS ต้องติดตั้งปิคอัพแบบยึดไว้กับกรอบปิคอัพ ดังนั้นผมจึงต้องเลือกแบบที่มีขาติดตั้งยื่นออกมา และเลือกสีดำเพื่อให้เข้ากับโทนอะไหล่ที่ผมออกแบบไว้ เพื่อนๆ ระวังเรื่องนี้ด้วย อย่าเลือกผิดจากชนิดของกีตาร์ตัวเองนะครับ

สเปค

เนื่องจากปิคอัพชนิดแอคทีฟทำงานด้วย approach ที่แตกต่างจากปิคอัพแบบ passive ตรงที่โทนจะถูกปรุงแต่งและขยายสัญญาณโดยวงจรพรีแอมป์ที่ฝังมาในตัวปิคอัพ ในส่วนที่เป็นตัวปิคอัพแม่เหล็กจึงไม่ต้องพันขดลวดเยอะๆ ในการสร้างซาวด์ที่แรงแต่อย่างใด สังเกตได้จากตัวเลข output impedance อันแสนต่ำเตี้ยเรี่ยดิน

ดังนั้นดูสเปคมันแล้วเราก็แทบบอกอะไรไม่ได้มากนักมากไปกว่าปิคอัพตำแหน่ง bridge ใช้แม่เหล็กชนิด ceramic 8 ที่ โดยทฤษฎี ให้ความคม กระชับ ในขณะที่ตำแหน่ง neck เปลี่ยนมาใช้แม่เหล็ก alnico เพื่อโทนที่นวลกว่า แต่ก็เป็นการเอาแม่เหล็ก type 5 กับ 4 มาผสมกันซึ่งก็เป็นสูตรการออกแบบ base tone ของปิคอัพรุ่นนี้ก่อนที่จะส่งสัญญาณไปขยายต่อที่วงจรพรีแอมป์

สิ่งที่พิเศษของปิคอัพรุ่นนี้นอกจากเรื่องความดุดันแล้ว ที่จริงคือเป็นเรื่องของ voicings 3 แบบซึ่งแตกต่างจากของซีรีส์ Fluence Modern ตัวปกติ voicings 3 แบบที่ว่านั้น ทาง Fishman ได้อธิบายไว้ดังนี้

  • Voice 1: โมเดิร์น แรง ดุดัน ย่านกลางมาเต็มแต่ไม่รบกวนย่านอื่น
  • Voice 2: โทนคล้าย Passive pickup ที่มีความคม สว่าง สดใส
  • Voice 3 เป็นโทน Single Coil ที่ใสเป็นประกาย กดย่านกลาง และมีความ hi-fi

แกะกล่อง

Unbox ออกมาเราก็จะเจอ

  • ปิคอัพทั้ง 2 ตำแหน่ง
  • อะไหล่ติดตั้งต่างๆ เช่น สกรู สปริง ตัวเก็บประจุ รู output เป็นต้น
  • คู่มือติดตั้ง
  • Volume และ Tone pots
  • Push-pull Voice Selector pot สามารถเป็นได้ทั้ง Volume และ Tone
  • สายไฟต่างๆ และจุกแบตเตอรี่

การติดตั้ง

เนื่องจากกีตาร์ SE SVN โมดิฟาย control layout ใหม่โดยผมอุดรู tone ถาวรไปเลยเพราะผมเกลียดสิ่งนี้ แล้วใช้สวิตช์ 5 ทางแบบ Super Switch แทนเนื่องจากสวิตช์แบบนี้ผสมเสียงได้เป็นร้อยๆ แบบแล้วแต่เราจะพลิกแพลง ดังนั้นผังการต่อวงจร (wiring diagram) ที่ผมใช้สำหรับกีตาร์ตัวนี้จึงเรียบง่ายตาม layout ของมัน ซึ่งก็น่าชื่นใจที่ทาง Fishman ก็รู้ใจกีตาร์สมัยใหม่ ทำผัง wiring แบบกีตาร์ของผมไว้เป๊ะๆ ลอกการบ้านตามง่ายๆ ไม่ต้องหาข้อมูลทำความเข้าใจอะไรเองต่อ

Wiring diagram สไตล์มินิมอลที่ผมชื่นชอบ เพราะชิ้นส่วนน้อย แต่ทำอะไรได้เยอะ

และถึงผมจะไม่เคยติดตั้งปิคอัพแบบแอคทีฟมาก่อน เห็น wiring diagram ครั้งแรกก็งงกับจำนวนสายไฟที่มากกว่า passive pickups เยอะ แต่พอพิจารณาดีๆ มันก็ไม่ได้เข้าใจยากเกินไปนะ สายไฟที่เพิ่มเข้ามาคือสายนำไฟฟ้าจากถ่าน 9 โวลต์ กับสายตัดคอยล์ที่ภาษาของ Fishman Tosin Abasi จะเรียกว่าเป็นสาย voicings คือเสียงพิเศษของปิคอัพรุ่นลายเซ็นรุ่นนี้มีนได้จากการผสมเสียง voicings พวกนี้แหละ แต่ทาง Fishman ยังมีผังต่อวงจรอีกหลากหลายแบบ ครอบคลุมแทบจะทุก configurations ให้โหลดมาทำตามกันได้ง่ายๆ คลิกเข้าไปดูกันได้ (ของ Tosin Abasi sig. อยู่ในหมวด Artists ครับ)

สำหรับเสียงทั้ง 5 แก๊ก ไล่จาก bridge position ก็จะมีดังนี้ครับ

  1. Bridge full humbucker ดึง pot ขึ้นเพื่อเลือก voice 2 ได้
  2. single coils ของตำแหน่ง bridge+neck ซึ่งก็เป็นเสียงของ voice 3 ผสมกันนั่นเอง
  3. Bridge + neck full humbucker ดึง pot ขึ้นเพื่อเลือก voice 2 ได้
  4. single coil ของตำแหน่ง Neck
  5. Neck full humbucker ดึง pot ขึ้นเพื่อเลือก voice 2 ได้

ซึ่งดูจากคำอธิบายผังวงจรนี้ สำหรับคนง่ายๆ อย่างผมก็น่าจะดีเกินพอ

ผมใช้ clamp จับชิ้นงานเพื่อความสะดวกในการทำงาน ถ้าใครจะใช้วิธีนี้ต้องระวังให้มากเรื่องแรงบีบที่ใช้นะครับ ถ้าบีบแรงไปนิดเดียวอุปกรณ์ซึ่งต้องรับความร้อนสูงขณะทำงานจะพังง่ายมาก สำหรับการติดตั้งครั้งนี้ผมทำ pot พังไปตัวนึงเพราะกะแรงบีบไม่พอดีนี่แหละ
สายไฟเยอะจริงๆ
ฝาอะคริลิคใสผมตัดเอง ผมชอบดูห้องเครื่องมันและไว้ดูวันที่เริ่มใช้งานแบตเตอรี่ด้วย
PRS ตัวนี้ไม่มีอะไรเดิมนอกจากไม้ ผมอยากให้ PRS ลองทำอะไรที่มัน minimal แบบนี้บ้างนะ พวก nonsense components ไม่ต้องใส่เยอะหรอก ผมว่ามันจะดูทันยุคทันสมัยกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้

เสียง

คลิปแรกนี้เป็นการทดสอบโทนแตกกลางๆ ผมลองแก๊ก 4 (neck single coil) เล่นกับแชแนล 2 (low gain) ของแอมป์ Mesa Triple Crown 50 เปิดรีเวิร์บในแอมป์ด้วย ได้เสียง crunch ที่เพราะมาก เป็นโทน single coil ที่เคลียร์ ใส ชัด ย่านกลางมากำลังดีแต่ไม่บวมต่อให้เล่นโน้ตบนสาย 7 (ซึ่งตั้งดรอปเอาไว้) มันเป็นโทนที่ฟังดู organic (เป็นธรรมชาติ) ไม่แข็ง จนไม่น่าเชื่อว่านี่คือเสียงจากปิคอัพแอคทีฟ

คลิปนี้ผมใช้แก๊ก 4 (neck single coil, voice 3)

ต่อไปเป็นการทดสอบเสียง high gain ด้วย humbucker ทั้งสองตำแหน่ง (แยกกัน) เล่นออกแชแนล 3 (high gain) ของแอมป์ TC-50 ตัวเดิม สัมผัสแรกก็รับรู้ได้ทันทีว่าปิคอัพ (หรือจะพูดให้ถูกคือวงจรพรีแอมป์ของปิคอัพ) มันแรงมหาโหด ถ้าให้เทียบกับปิคอัพ passive คงต้องเทียบรุ่นที่ค่า DCR แถวๆ 20k เลยแหละ คือแตกแรงจนผมต้องลด gain หน้าแอมป์ทั้งๆ ที่ปกติผมก็เซ็ทแอมป์ไว้เพื่อเล่นกับปิคอัพ high output อยู่แล้ว ยังว่าล้นทะลักเกินไปเมื่อเจอกับปิคอัพรุ่นนี้

เริ่มเทสต์ที่การเล่นริฟฟ์ เล่นอยู่เป็นชั่วโมงกว่าจะตัดสินใจอัดคลิป ความรู้สึกผม อืม มันผิดคาด ต้องเล่าก่อนว่าก่อนซื้อผมไล่เช็กตัวอย่างเสียงจากคลิปในยูทูบแล้วได้ข้อสรุปว่ามันน่าจะทั้งแรงทั้งกระชับทั้งไบรท์ แต่เสียงจริงหน้าแอมป์ Mesa TC-50 คือมันแตกแรงตามที่ควรจะเป็นนี่แหละ แต่การตอบสนองนั้นผมจัดว่ายังขาดความกระชับ ขาดคาแรคเตอร์ที่ปิคอัพสมัยใหม่ควรจะมี ในคลิปนั้นผมต้องพยายามระมัดระวังอย่างมากที่จะอุดสาย (palm muting) เพื่อช่วยให้ซาวด์ออกมามีความกระชับมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เนื่องมาจากธรรมชาติของปิคอัพเองค่อนไปทางบวมย่านกลาง หลวม นั่นเอง (อันนี้คือผมลด bass กับ mid แถมเปิดโหมด Tight แล้วด้วยแล้วนะ)

ถ้าจะบอกว่าแอมป์ TC-50 คาแรคเตอร์ค่อนไปทาง Marshall มันเลยไม่กระชับรึเปล่า? อันนี้ผมไม่เถียง แต่ผมเคยใช้แอมป์หัวเดียวกันนี้เทสต์ปิคอัพ 7 สายมาหลายรุ่น บอกตรงๆ ว่า passive pickup หลายรุ่นที่ผมเคยเทสต์มาทำได้ดีกว่า Abasi 7 ในแง่ของความกระชับ เอาง่ายๆ Bare Knuckle Warpig กับ Ragnarok กินขาด เรื่องใช้แอมป์ไม่เหมาะจึงไม่ใช่ข้อแก้ตัวที่จะฟังขึ้นนัก (ย้ำว่าเปรียบเทียบเฉพาะเรื่องความกระชับเก็บตัวไวเท่านั้นนะครับ ไม่เกี่ยวกับโทนเสียง) คาแรคเตอร์ประมาณนี้ผมคิดว่าถ้าเป็น 6 สายดร็อป น่าจะลงตัวกว่า

แต่คาแรคเตอร์ออร์แกนิคแบบนี้ก็มีประโยชน์นะ คือตำแหน่ง neck humbucker อัดเกนแล้ว อร่อยหูใช้ได้ หวาน เหนียว แต่โน้ตชัดเหลือหลาย มี overtone หอนๆ (ฟังเสียงตรง 01:40) มีความไพเราะแบบน่าแปลกใจได้อีกว่านี่คือ active pickup จริงดิ

เล่นแตกหนักด้วยแอมป์ Mesa Triple Crown 50

แต่จะด้วยความคาใจ ช็อก ไม่อยากจะเชื่อ ฯลฯ หรือความรู้สึกใดๆ ก็ตามจากการทดสอบเสียง high gain กับแอมป์ Mesa TC-50 ของตัวเอง ทำให้ผมจบการทดสอบไว้แค่นั้นไม่ได้ มันทนไม่ได้จริงๆ มันไม่ควรจะผิดพลาดขนาดนั้น ผมจึงเอากีตาร์ไปทดสอบที่ร้าน Music Collection สาขาเซ็นทรัลลาดพร้าว เพื่อทดสอบด้วยแอมป์ high gain ที่คาแรคเตอร์น่าจะลงตัวกว่าเดิม ผมใช้แอมป์ Mesa Badlander (หลอด EL34 เหมือน TC-50 ของผม) เสียงที่ได้นั้นแม้จะมีความแรงของ gain ที่ไม่หนีกันมาก แต่การตอบสนองนั้นต่างกันราวฟ้ากับดิน กล่าวคือ Badlander 50 มีความกระชับ โน้ตบนสาย 7 เป็นตัวมากๆ เล่นริฟฟ์โคตรมัน แล้วไม่ต้องออกแรงอุดสายอะไรมากมายให้เมื่อย เพราะซาวด์มันดีในตัวของมันเองแบบไม่ต้องใช้ความพยายาม ไม่เชื่อดูผมเล่นในคลิปได้เลย

ชัดเจนว่าถ้าจะเอาปิคอัพ Fishman Tosin Abasi 7 สาย มาเล่นริฟฟ์ที่ต้องการความกระชับมากๆ นั้น จำเป็นต้องใช้แอมป์ที่มีคาแรคเตอร์แตกแบบกระชับมากๆ เพื่อช่วยเก็บย่านส่วนเกินของปิคอัพอีกแรง ไม่งั้นหงุดหงิด หรือถ้าจะเอาไปเล่นกับ plug in ในคอมซึ่งปราศจาก natural resonance แบบชุดแอมป์หลอดแท้ของผม ก็น่าจะพอช่วยได้

เล่นแตกหนักด้วยแอมป์ Mesa Badlander 50

สรุป

ข้อดี

  • เสียงแตกดุมาก เป็นปิคอัพที่ gain แรงที่สุดรุ่นนึงที่ผมเคยลองมา
  • ซาวด์หลากหลายมาก ตั้งแต่ humbucker แรงจัดๆ 2 แบบ กับ single coil เพราะๆ คมๆ อีกเสียง ซึ่งทั้งหมดผสมได้แทบจะอิสระ ขึ้นอยู่กับเทคนิคการต่อวงจรและสวิทช์ที่ใช้ หลายคนอาจมองว่านี่เป็นปิคอัพที่ขายความแรง แต่กับผมมองว่ามันเป็นปิคอัพแนววาไรตี้ที่แถมความแรงซะมากกว่า
  • ผมคิดว่าทีเด็ดของมันคือปิคอัพตำแหน่ง neck ทั้งโหมด humbucker และ single coil
  • อะไหล่ติดตั้งที่ให้มาแพคเกจถือว่าค่อนข้างครบเลย จะขาดไปก็แค่รางถ่าน

ข้อควรทราบ

  • ถึงจะแรง แต่การตอบสนองไม่ได้ทันสมัยอย่างที่ภาพลักษณ์มันเป็น ก็อย่างที่บอก ผมอยากให้มองมันเป็นปิคอัพวาไรตี้ที่พ่วงความแรง มากกว่า
  • ถ้าต้องการความกระชับหรืออยากเล่นสไตล์ staccato แบบเจ้าของลายเซ็น ผมแนะนำว่าให้เลือกแอมป์ดีๆ เน้นเลยว่าแอมป์ต้องกระชับเป็นอย่างยิ่ง หรือไม่ก็ใช้เล่นกับ plug in ใน DAW ไปเลย

ส่งท้าย

สำหรับการรีวิวปิคอัพแอคทีฟ Fishman Tosin Abasi 7 สายก็มีเท่านี้ หวังว่าการรีวิวแบบตรงไปตรงมาพร้อมคลิป room sound ไม่ตัดแต่งเสียง จะช่วยให้เพื่อนๆ ได้รับสาระข้อเท็จจริงไปบ้างไม่มากก็น้อยนะครับ อุปกรณ์ดนตรีแต่ละตัวมีคาแรคเตอร์ของมัน ไม่มีอะไรถูกหรือผิด แต่สำคัญที่เราต้องเข้าใจธรรมชาติของมันเพื่อที่จะเลือกใช้ให้เหมาะกับงาน

สนใจปิคอัพรุ่นนี้ติดต่อร้าน Music Collection ได้ สำหรับชุด 7 สายแบบของผมราคา ณ เดือน 02/2024 อยู่ที่ 13,600 บาท

และสำหรับคนที่สนใจเครื่องดนตรีแบรนด์ PRS ขอชวนเข้ามา join group กันได้ที่กลุ่มเฟสบุค PRS Thailand ของผมครับ กลุ่มนี้เป็น community ซื้อขาย พูดคุยสบายๆ ซึ่งผมก่อตั้งขึ้นเอง