
รีวิวกีตาร์ PRS SE CE 24
Key takeaways:
- SE รุ่นล่าสุด เปิดตัวครั้งแรกปลายปี 2023
- ถอดแบบจากรุ่น bolt-on style ในตำนานของ PRS สายการผลิตอเมริกา
- ราคา ณ เดือนธันวาคม 2023 อยู่ที่ 24,500 บาท ซึ่งถูกกว่า SE Custom 24 เกือบหมื่น
ตอนนี้เป็นช่วงปลายปี 2023 (2566) สำหรับเครื่องดนตรีแบรนด์ Paul Reed Smith (PRS) ก็มีการประกาศเปิดตัวกีตาร์และแอมป์รุ่นใหม่ในไลน์ SE หลายรุ่น ผมเองได้มีโอกาสทดสอบแบบเร็วๆ ที่ร้านตัวแทนจำหน่ายแล้วรู้สึกสนใจรุ่น SE CE 24 เป็นพิเศษจึงขอทางร้านให้ส่งกีตาร์รุ่นนี้มาให้รีวิวละเอียดๆ ให้เพื่อนๆ อ่านกัน ดังต่อไปนี้ครับ
มันคืออะไร ต่างจาก SE Custom 24 ตรงไหน?
SE รุ่นนี้ถอดแบบมาจาก CE 24 เวอร์ชัน USA ซึ่ง CE 24 ตัว USA ก็มีมานานตั้งแต่ปี 1988 แล้ว (คลิกอ่านรายละเอียด CE 24 USA ได้ที่นี่ครับ) ในทางเทคนิคมันก็คือ PRS ทรง Custom 24 ที่ปรับโครงสร้างคอใหม่ ใช้ไม้เมเปิลเข้าคอด้วยน็อต (bolt-on) ซึ่งต่างจาก Custom 24 ที่เข้าคอด้วยการติดกาว (set-in neck) การปรับกรรมวิธีการผลิตดังกล่าวทำให้ได้คาแรคเตอร์โทนใหม่ รวมถึงช่วยลดต้นทุนการผลิตเนื่องจากช่วยเซฟเวลาและวัตถุดิบ ทำให้ CE 24 ราคาถูกกว่า Custom 24 อยู่ราวๆ 30% ดังนั้น CE 24 ในเวอร์ชัน SE จึงยกเอาโครงสร้าง bolt-on และคาแรคเตอร์โทนเสียงแบบ CE 24 USA มานำเสนอใหม่ในราคาย่อมเยา เข้าถึงง่ายขึ้นอีก

แม้ไม้คอของทั้งสองรุ่นจะเป็นไม้เมเปิลเหมือนกัน (SE Custom 24 ก็ใช้ไม้เมเปิลนะครับ ไม่ใช่มาฮอกกานีอย่างเกรด Core USA) ซึ่งการเข้าคอแบนี้ช่วยให้ผลิตได้ง่ายขึ้น เซฟเวลา และประหยัดต้นทุนการผลิตโดยรวมมากขึ้น ส่งผลให้สนนราคาได้ถูกลงกว่าเพื่อนร่วมค่ายรุ่นใกล้เคียงอย่าง SE Custom 24 แต่นอกจากเรื่องราคา เจ้า SE CE 24 ก็มีรายละเอียดปลีกย่อยบางอย่างที่แตกต่างจาก SE CU24 ซึ่งผมจะอธิบายต่อไปครับ
สเปค
- Model: SE CE 24
- Construction : bolt-on
- Body : mahogany, multi – piece
- Top : plain maple top with flamed maple veneer
- Neck : 2 pieces maple, scarfed joint at the headstock, satin finish
- Neck profile : wide thin
- Scale length : 25″
- No. of frets : 24 medium-jumbo
- Fingerboard wood : rosewood
- Fingerboard inlay : birds
- Fingerboard binding : none
- Headstock veneer : black
- Headstock text : PRS SE signature
- Truss rod cover text: CE
- Tuners : SE non-locking
- Bridge : PRS-designed tremolo
- Pickups : PRS 85/15 “S”, black bobbins
- Electronics : 3 way toggle, 1 vol, 1 push/pull tone
- Control knobs : speed
- Hardware: nickel
- Accessories : SE grey gig bag
- Colors : มี 4 สี สีแดงเข้ม Black Cherry, สีส้ม Blood Orange, ฟ้าเทอร์คอยส์ Turquoise และซันเบิสท์ Vintage Sunburst
สัมผัส
ด้านหน้า

ถึงหน้าตามันจะคล้ายๆ SE Custom 24 (SE CU24) แต่ถ้าสังเกตดีๆ จะรู้ว่าไม่เหมือนและแยกแยะมันออกจาก SE CU24 ได้ง่ายมาก เมื่อมองจากด้านหน้า สิ่งที่สะดุดตาผมที่สุดคือส่วนหัว (headstock) ที่แปะด้วยแผ่นวัสดุสีดำด้านเอาไว้ เมื่อเอียงดูด้านข้างจะเห็นมันตัดกับสีไม้เมเปิลอ่อนๆ ด้านหลังเป็นเลเยอร์ตัดกันดูหล่อเหลาเอาเรื่อง และผมว่ามันดูสวยกว่าหัวของ CE 24 USA เวอร์ชันปัจจุบันด้วยซ้ำไป (ก็แปลกๆ ดี ที่ตัวถูกดันสวยกว่าตัวแพง) โลโก้ลายเซ็นลุงพอลมีตรา SE ตัวเล็กๆ อยู่ข้างใต้ตามธรรมเนียมของ SE ยุคนี้ที่นับวันจะดูทัดเทียมกับรุ่นใหญ่เข้าไปทุกที ฝา truss rod cover สกรีนชื่อรุ่น CE ชัดเจนไม่ต้องสับสนกับรุ่น SE Custom นัทเป็นดีไซน์ใหม่ของโรงงาน SE ที่อินโดนีเซีย (ไม่ต้องถามหา SE ที่ Made in Korea นะครับ เพราะ PRS ย้ายออกมาจากที่นั่น 6 ปีแล้ว) ซึ่งนัทแบบใหม่นี้หน้าตาดูดีกว่าลอตที่เพิ่งย้ายโรงงานมา 2-3 ปีแรกมาก และจากที่ทดสอบการใช้งานมาปัญหาก็น้อยกว่าด้วย เล่นๆ นวดๆ ไปสักชั่วโมงนึงก็นิ่ง ลูกบิดก็เป็นของ SE แบบไม่ล็อกสาย



(Image source: prsguitars.com)
ฟิงเกอร์บอร์ดไม้ rosewood เรเดียส 10 นิ้วที่คนเล่นพอลรีด (ที่ไม่ใช่รุ่น Silver Sky) คงคุ้นเคยกันดี อินเลย์ก็เป็นนกตามปกติ เฟรทไซส์ medium-jumbo เท่าของ SE CU24

กวาดสายตาลงมาที่ท็อป เป็นเคิร์ฟใหม่ล่าสุด (เริ่มใช้ครั้งแรกเมื่อปี 2022) เนื้อไม้บริเวณขอบท็อปถูกขุดลงไปอีกเล็กน้อยเพื่อให้ได้องศาที่โค้งเนียนตาใกล้เคียงกับ Core Series มากขึ้นโดยที่ยังใช้ไม้เมเปิลหนาเท่าเดิม ท็อป plain maple เคิร์ฟใหม่นี้ปะหน้าด้วยแผ่นเยื่อไม้เมเปิลลายเฟลมย้อมสีส้ม Blood Orange สดใส สะท้อนดีเอ็นเอ Paul Reed Smith

จุดสำคัญอีกจุดหนึ่งที่ SE CE 24 แตกต่างจาก SE รุ่นอื่นๆ แต่หลายคนอาจไม่ทันสังเกต คือลักษณะเส้นสายของเขา (horns) ทั้ง 2 ฝั่ง คือโคนเขาไม่ได้ตีโค้งลงไปหาบอดี้ตรงๆ แต่จะเลี้ยวไปทางหัวกีตาร์เล็กน้อยก่อนจะไปต่อกับส่วนบอดี้ ณ เฟรทที่ 21 แทนที่จะเป็นเฟรทที่ 22 ซึ่งต่างจากรุ่น Custom 24 หรือแม้แต่กับ CE 24 ตัว USA เองก็ตาม ทำให้ทรวดทรงบอดี้ของ SE CE 24 ดูคล้ายๆ จะสั้นกว่า SE Custom 24 ทั้งๆที่ในความเป็นจริงแล้วเขายาวเท่ากัน ซึ่งผมจะขยายความเรื่องนี้ในหัวข้อถัดไปครับ

ปิคอัพรุ่น 85/15 ‘S’ bobbins สีดำล้วน ไม่ look cheap แบบสีม้าลาย ดูเข้าชุดอย่างดีกับกรอบ pickup rings ช่วยให้ SE รุ่นราคาเริ่มต้นรุ่นนี้ดูแพงกว่ารุ่นพี่ของมันหลายๆ รุ่น ยังไม่รวมถึง pickup selector แบบ toggle 3 ทางสไตล์รุ่น McCarty ที่ผมชื่นชอบก็ยิ่งเสริมความเรียบหรูดูน่าใช้งานให้กับมันขึ้นไปอีก

ด้านหลัง
คอของเจ้านี่เก็บงานมาแบบเคลือบด้านสากๆ ซึ่งพ่นด้านสำเร็จมาเลยซึ่งงานจะดูเนียนกว่ากรรมวิธีพ่นเงาแล้วเอามาขัดด้านทีหลังแบบพวก SE Holcomb, SE Myers ผมมองว่านี่เป็นข้อดีอีกอย่างของโครงสร้างแบบ bolt on neck เพราะมันแยกงานส่วนคอไปทำให้เสร็จก่อนค่อยเอามาประกอบกับบอดี้ทีหลังได้ ช่วยให้กระบวนการผลิตเป็นจำนวนมาก (mass production) เป็นไปอย่างสะดวกและรวดเร็วกว่าโครงสร้างแบบ set-in neck อีกอย่าง คอด้านๆ แบบนี้ช่วยให้เคลื่อนไหวมือได้คล่องตัวมากกว่าคอเคลือบเงาที่ทำให้เกิดความฝืดในการเคลื่อนไหวมือ เชพคอเป็นแบบ Wide Thin มีความบาง คือค่อนไปทาง C ตื้นๆ แบนๆ

ส่วนคอต่อกับบอดี้ (Neck joint) ดูผ่านๆ ก็บอกได้ว่าเป็น bolt-on maple neck ทั่วไป แต่ถ้าบอกว่านี่คือ neck joint ของ CE ผมคิดว่ามันก็มีอะไรน่าสนใจอยู่เหมือนกัน หลักๆ คือ neck joint ของ SE CE 24 ไม่เหมือนกับ CE 24 ตัวอเมริกา ไม่ใช่แค่ joint แตกต่าง แต่ยังส่งผลให้ต้องออกแบบทรวดทรงตัวกีตาร์ให้ต่างออกไปตามที่ผมได้เกริ่นไว้ในหัวข้อที่แล้ว ลองเปรียบเทียบกับ neck joint ของ SE CE 24 ตัวในมือผม กับ CE 24 ตัว USA (รูปถัดไป) ก็พอจะสรุปที่มาที่ไปได้ดังนี้ครับ


(Image source: prsguitars.com)
- joint ของ CE ทั้งสองซีรีส์ ออกแบบด้วยแนวคิดต่างกัน ของอเมริกา (ดีไซน์ดั้งเดิม) ฐานคอเป็นทรงสี่เหลี่ยมหนาและยาวแหย่ลึกเข้าไปในบอดี้ โดยที่บอดี้ยังมีรูปทรงเดียวกันกับรุ่น Custom ทุกประการ แต่ของ SE CE 24 นั้นบอดี้ยื่นออกมารับส่วนคอ หรือก็คือดีไซน์แบบ Silver Sky นั่นเอง
- สัดส่วนความหนาของไม้คอช่วงฐานคอที่ต่อกับบอดี้นั้นแตกต่างกันชัดเจน กล่าวคือของ USA หนามากจนกินความลึกของบอดี้ไปราวๆ 75-80% หรือพูดง่ายๆ คือลึกเทียบเท่า core Custom 24 ในขณะที่ฐานคอของ SE CE 24 ผมมองดูแล้วไม่น่าใช้พื้นที่เกิน 30 หรืออย่างมากก็แค่ 40% ของความลึกบอดี้
- และดูจากแนวนอตยึดคอแถวในสุดก็พอจะอนุมานได้ว่าท่อนคอของ SE CE 24 แหย่เข้าไปในบอดี้ตื้นกว่าของตัว USA มาก
- ด้วยมิติของไม้คอ SE CE 24 ที่มีตัวเลขน้อยกว่า CE 24 USA ในแทบจะทุกด้าน พื้นที่หน้าสัมผัสของ SE CE 24 ที่ติดต่อกับส่วนบอดี้จึงมีน้อยกว่าของ USA ซึ่งในทางโครงสร้างก็น่าจะพอพูดได้ว่ามีความมั่นคงต่ำกว่า จึงเป็นสาเหตุให้ PRS ต้องออกแบบแนวสันเขาใหม่ให้โอบรับช่วงฐานคอมากขึ้นเพื่อซัพพอร์ทคอ เสริมความแข็งแรงเชิงโครงสร้าง จนเป็นที่มาของลุคเฉพาะตัวของ SE bolt-on neck รุ่นนี้นั่นเอง

มีการเก็บงานขัดแต่งเหลี่ยมมุมให้ heel มีส่วนโค้งมน สมูธ ไม่ตำมืออีกด้วย และถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นว่า บริเวณเหลี่มมุมด้านล่างของ neck heel ฝั่งสาย 1 ถูกปาดเนื้อไม้ออกมากว่าฝั่งสาย 6 เมื่อบวกกับความสมเป็นการออกแบบที่คำนึงถึงหลักสรีรศาสตร์ที่ดีมากจนผมเล่นสบายแทบไม่ต่างอะไรกับคอแบบ set in ความรู้สึกแบบนี้ผมคิดว่าคนที่เคยเล่น PRS Silver Sky มาก่อนน่าจะเข้าใจความรู้สึกดี
ฝา neck plate ถูกยึดไว้ด้วยน็อต 4 ตัว ตัวฝาดูแล้วน่าเป็นพลาสติกแข็งแบบเดียวกับ SE Silver Sky เพียงแต่ครั้งนี้ไม่มีข้อความอะไรบนนั้น

เสียง

Clean tone
ผมใช้แอมป์ Mesa Triple Crown TC-50 เริ่มทดสอบเสียงคลีนด้วย neck humbucker ของปิคอัพ 85/15 ‘S’ พบว่าโทนมีความใส สว่าง เป็นตัวชัดเจนดีมาก คาแรคเตอร์โทนวินเทจสไตล์ SE Custom 24 ยังคงมีอยู่พอประมาณ แต่ต่างออกไปตรงที่ความอ้วนของย่านต่ำและกลาง ลดลง ส่วนนึงน่าจะเป็นผลมาจากโครงสร้างที่เปลี่ยนไป สับสวิตช์ไปที่แก๊กกลางและแก๊ก bridge humbucker ก็รู้สึกมีบาลานซ์ดี คือเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ไม่มีแก๊กไหนโดดแปลกหูอออกมา ผมทดลองบูสต์ด้วยก้อน overdrive ก็ฟังดูอร่อย ถึงไม่อมอ้วนแบบวินเทจอย่างรุ่น SE DGT แต่ออกไปทางชัดใส เป็นมิตรกับดนตรีหลากหลายแนว
ผมดึง tone เพื่อตัดคอยล์แล้วสับสวิตช์ไปที่ตำแหน่ง neck อีกที ความรู้สึกแรกที่รับรู้ได้คือวอลุ่มมันแทบไม่ดร็อปลงเลยทั้งๆ ที่ SE รุ่นนี้ไม่ได้ชูจุดขายเรื่องนี้แต่อย่างใด ถือว่า PRS ออกแบบวงจรมาได้ดีมาก ในส่วนของโทนนั้นคือใส มวลย่านต่ำ-กลาง น้อยกว่า SE Custom 24 อยู่พอสมควรแต่สำหรับผมไม่ได้ฟังดูบางอะไรมาก ตรงกันข้าม กลับรู้สึกมีความ lively เล่นได้เพลินๆ ผมชอบโทนตัดคอยล์แก๊กกลางเป็นพิเศษ คือมันทั้งใส ทั้งมีเนื้อมากขึ้นกว่าแก๊ก neck split เดี่ยวๆ คือปกติแล้ว ถ้าผมจะใช้ระบบตัดคอยล์เล่นเสียงคลีน ผมจะใช้ตำแหน่ง neck เพราะกีตาร์ PRS หลายรุ่นที่ผ่านมือมามักจะฟังดูดีที่สุดแก๊กนั้น (หรือไม่ก็เป็นรสนิยมของผมเอง) แต่กับ SE CE 24 นี่แปลก เพราะรู้สึกว่าแก๊กตัดคอยล์ผสม neck + bridge ฟังดูดีที่สุด หรืออย่างน้อยก็ดีที่สุดสำหรับแอมป์ Mesa Triple Crown แชแนล 1
Lead tone
ไปต่อที่แชนแนล 2 ของแอมป์ TC-50 ใช้ gain ประมาณบ่ายโมงนิดๆ ผลเสียงที่ได้มีความสว่าง เคลียร์ชัดเป็นตัวดีจัง ส่วนตัวผมชอบอะไรแบบนี้มากกว่าอะไรวินเทจอ้วนๆ เก่าๆ อันที่จริงดีเทลมันเคลียร์มากกว่าเหนียวจนผมแอบรู้สึกว่าคาแรคเตอร์สะอาดไปหน่อยมั้ยสำหรับแชแนล 2 ของแอมป์รุ่นนี้ซึ่งออกแบบให้เป็นโทนสไตล์ classic rock แต่พอเหยียบก้อน overdrive ช่วยบูสต์ย่านกลางกับเติม gain เข้าไปอีกนิดก็ เออ ค่อยรู้สึก classic rock ขึ้นมาหน่อย อร่อยใช้ได้ เป็นความอิ่มแบบร่วมสมัย ไม่แก่มาก ผมว่าซาวด์ประมาณนี้เล่นเพลงร็อคไทยยุค 90s – 2000s ก็ไม่เลว
แชแนล 3 ของแอมป์ TC-50 เป็นแตกหนัก แม้จะหมุน gain ไว้เท่าแชแนล 2 แต่แชแนล 3 แตกแรงกว่ามาก ผมว่าเล่นแตกหนักเริดมาก ความเคลียร์ของ SE CE 24 เข้ากันได้ดีกับการใช้เกนเยอะๆ และผมกล้าพูดว่ามันทำได้ดีกว่า PRS SE ส่วนใหญ่ที่ผ่านมือมาทั้งๆ ที่เอาท์พุทของปิคอัพของมันไม่ได้แรงอะไรเลย มันใช้ฝึกริฟฟ์สนุก เล่นเพลงร็อคไทยที่เน้นความคม พุ่ง เร็ว เน้นริฟฟ์หรือใช้คอร์ด tension อย่างพวก Silly Fools, Potato อันนี้เหมาะมาก เอาไปเล่นหมอลำก็ซิ่ง ถ้าจะให้จัดเรตติ้งความร็อคของ SE CE 24 ผมคงบอกว่ามันเป็นอะไรที่ดุดันกว่ากีตาร์แนว super strat แต่ก็ไม่หนาเท่า Custom 24
PRS SE CE 24 เหมาะ/ไม่เหมาะ กับใคร?
จัดได้ ถ้าใช่:
ด้วยคาแรคเตอร์โทน bolt-on maple neck สไตล์ PRS CE ใสๆ ไม่อ้วนไม่แก่แต่ก็ไม่เกรี้ยวกราด SE CE 24 จึงเป็นกีตาร์ที่เล่นได้กว้าง มีความร่วมสมัย เข้าได้กับดนตรีหลากหลายแนวไม่ว่าจะเป็นป๊อป ร็อค ฟังก์ หมอลำ และส่วนตัวผมแนะนำเป็นพิเศษสำหรับคนที่ใช้ gain เยอะหรือคนที่ใช้เทคนิคเล่นด้วยนิ้วบ่อย เจ้านี่อาจเหมาะกว่า SE Custom 24 ด้วยซ้ำ เหตุเพราะความเคลียร์ ความมี definition ที่ดีกว่าของมันช่วยให้ได้ยินรายละเอียดชัดเจนกว่าในสถานการณ์ดังกล่าว ไม่ใช่แค่นั้น SE รุ่นนี้ยังเปิดราคามาน่ารักมาก แค่ 24,500 บาทในวันที่ SE Custom ปรับราคาขึ้นไปที่ราวๆ 3 หมื่นต้นๆ แล้ว SE CE 24 จึงไม่เพียงแต่เป็นตัวเลือกที่ดีของคนที่ชอบโทนเคลียร์ๆ แต่ยังเป็นตัวเลือกชั้นยอดสำหรับคนที่อยากเริ่มต้นกับ PRS SE ในราคาประหยัดคุ้มค่าอีกด้วย
คิดใหม่อีกที ถ้า:
แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะชอบโทนคมๆ ใสๆ ยังมีอีกหลายคนที่ชอบคาแรคเตอร์อ้วน อิ่ม เหนียว เนื้อเต็มๆ แตกหวานๆ blues, classic rock จิ๊กโก๋ๆ วินเทจคลาสสิคๆ มากกว่า ซึ่งถ้าเพื่อนๆ ต้องการ PRS โทนนั้นก็จะมีตัวเลือกอีกเยอะ และหาง่ายกว่า SE CE เลยแหละ ผมแนะนำลองดูรุ่น SE McCarty 594, SE 245 จะตอบโจทย์กว่า ซึ่งถ้าเพื่อนๆ เป็นสาย mellow tone และต้องการความฟินขั้นสุด ผมขอแนะนำรุ่น SE DGT เป็นพิเศษครับ
สรุป PRS SE CE 24
- ความเคลียร์ของโน้ต ออกไปทางคมชัดมากกว่าเหนียว
- สัมผัสของคอที่ลื่น เล่นได้คล่องตัว เชพคอบาง
- ราคาถูกกว่า SE Custom 24 เกือบหมื่น
- ราคา ณ เดือนธันวาคม 2023 อยู่ที่ 24,500 บาท
ส่งท้าย
- ขอขอบคุณร้าน Music Collection ตัวแทนจำหน่ายสินค้าแบรนด์ Paul Reed Smith ของไทย ที่เอื้อเฟื้อกีตาร์ให้ผมยืมกีตาร์มาทดสอบที่บ้านแบบยาวๆ จนรู้ใจและมาเล่าละเอียดๆ ให้เพื่อนๆ ได้อ่านกัน สนใจสินค้าสามารถทดลองได้ที่ร้านทุกสาขา หรือจะทักไปสอบถามที่เพจของร้านก่อนก็ได้ครับ คลิกเลย
- บทความนี้ได้รับการสนับสนุนค่าใช้จ่ายจากทางร้าน แต่ไม่ว่าอย่างไรผมก็ยังรักษามาตรฐานการรีวิวตามข้อเท็จจริง ตรงไปตรงมาต่อไปครับ
- ผมตั้งกลุ่มเฟสบุ๊คชื่อ PRS Thailand ที่นี่มีทุกอย่างตั้งแต่ความรู้ถึงประกาศซื้อขาย PRS ทั้งมือหนึ่งมือสอง สนใจเข้ามา join group กันได้ครับ