รีวิวแอมป์ PRS MT15 (2021)

Key takeaways

  • แอมป์ high gain ไซส์เล็กแต่ให้หลอดพาวเวอร์ระดับเดียวกับแอมป์ใหญ่ ที่ครั้งนี้มากับหลอดเบอร์ใหม่ 5881
  • เสียงแตกดุดัน ทรงพลัง เสียงคลีนใหญ่ เต็ม
  • มีประเด็นสำคัญบางอย่างที่ควรทดสอบของจริงก่อนตัดสินใจซื้อ เช่น ระดับความดัง, ข้อจำกัดในการหรี่เสียง และลักษณะเฉพาะตัวของโทน
  • ราคา 29,850 บาท (ณ ตุลาคม 2566)

มันคืออะไร

หัวแอมป์ MT15 ตัวแรงรุ่นลายเซ็นของ Mark Tremonti อดีตมือกีตาร์วง Creed และ Alter Bridge เปิดตัวครั้งแรกปี 2018 ถึงปี 2021 มีการอัพเดทสเปคหลอดซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของโทนของมัน ผมก็เป็นคนนึงที่สงสัยว่าแล้วสเปคใหม่นี้จะต่างจากล็อตปีแรกที่เคยลองตอนนั้นยังไงนะ ก็พอดีจังหวะชีวิตลงตัว ได้ซื้อหัว MT15 เวอร์ชันใหม่มาใช้ เลยถือโอกาสนี้เขียนรีวิวแบบละเอียดๆ จากการใช้ชีวิตอยู่กับมันซะหน่อย

หลายคนน่าจะพอรู้อยู่แล้วว่าแอมป์รุ่นนี้จุดขายอย่างหนึ่งของมันคือเป็นแอมป์ไซส์เล็กแต่มากับหลอดพาวเวอร์เบอร์ 6L6GC คือเป็นเดียวกับแอมป์ใหญ่ๆ กำลังขับ 50 วัตต์ขึ้นไป ไม่ใช่หลอดเบอร์เล็กอย่าง EL84 ที่แอมป์หลอดไซส์เล็กราคาถูกส่วนใหญ่ใช้กัน แต่อย่างที่ได้เกริ่นไปว่า PRS มีการเปลี่ยนเบอร์หลอดเป็น 5881 ที่มาที่ไปของเรื่องนี้ Mark Tremonti ได้ให้สัมภาษณ์ในช่อง Youtube ของ Philip McKnight ในตอนหนึ่งได้เล่าสาเหตุที่ต้องเปลี่ยนสเปคของ MT15 ว่า เนื่องจากโรงงานผลิตหลอดสุญญากาศรายใหญ่ที่ประเทศจีน ซึ่งเป็น supplier ผลิตหลอดสุญญากาศป้อนอุตสาหกรรมแอมป์กีตาร์และเครื่องเสียงรายใหญ่ของโลกเกิดเหตุอัคคีภัยจนโรงงานเสียหายหนักและทำให้ไม่สามารถผลิตหลอดสุญญากาศส่งให้ผู้ผลิตแอมหลายเจ้ารวมถึง PRS ด้วย (มีอยู่ช่วงหนึ่งที่แอมป์รุ่นนี้ขาดตลาด ก็เนื่องจากปัญหานี้นี่แหละ) แม้ PRS จะสามารถหาหลอดเบอร์เดียวกันจากผู้ผลิตรายอื่นได้แต่ก็ต้องรอของนานเพราะผู้ผลิตแอมป์เจ้าอื่นอีกหลายเจ้าเขาก็ต้องการเหมือนกัน ยิ่งช้าสายการผลิตก็ยิ่งเสียหาย คนที่รอแอมป์นานเค้าก็ด่าลงโซเชียล ทาง PRS จึงต้องแก้ปัญหาโดยการหาหลอดเบอร์อื่นที่ให้คาแรคเตอร์ใกล้เคียงกันมาทดแทนซึ่งหวยก็ออกเบอร์ 5881 นี่เอง

Mark เล่าว่า ครั้งแรกที่ลุงโทรมาบอกเรื่องนี้เขาก็รู้สึกไม่สบายใจเนื่องจากใช้แต่เบอร์ 6L6GC มาทั้งชีวิตจนติดโทนของมัน แต่เมื่อได้ทดลองเสียง MT15 ตัวทดสอบที่ติดตั้งหลอดใหม่แล้ว เขากลับรู้สึกชอบมากกว่าเบอร์ 6L6 ซะอีก เมื่อทุกฝ่ายเห็นพ้องต้องกัน แอมป์ PRS MT15 ก็ปรับสเปคหลอดพาวเวอร์ใหม่จาก JJ 6L6GC เป็น JJ 5881

หลอด 5881 ต่างจาก 6L6 ยังไง?

ทั้ง 6L6 และ 5881 ต่างก็เป็นหลอดสุญญากาศ นวัตกรรมจากสมัยเกือบร้อยปีที่แล้วที่ยังไม่มีทรานซิสเตอร์และอะไหล่วงจรอิเล็กทรอนิกส์ถูกๆ ให้ใช้อย่างในปัจจุบัน สาเหตุที่อุตสาหกรรมแอมป์กีตาร์นิยมนำหลอดพวกนี้มาใช้ใน power section ก็เนื่องจากมันให้กำลังขับ (Power output) และโทนเสียงที่มีความเหมาะสมกับเครื่องใช้ไฟฟ้าจำพวกแอมป์ เครื่องเสียง

หลอดสุญญากาศที่ใช้ในอุตสาหกรรมนี้มีหลายชนิดหลายสเปค แต่ละสเปคก็จะมีชื่อเรียกของมัน (ผมขอใช้คำเรียกว่า ‘เบอร์’ นะครับ) เบอร์ที่พวกเราคุ้นเคยกันดีสำหรับภาค power amp ก็จะมี EL34 (โทนมาร์แชล) EL84 (แอมป์หลอดขนาดเล็ก) KT88 (Bogner Uberschall) KT77 (Diezel VH4) แต่ที่ฮิตสุดในแอมป์สายร็อคคงหนีไม่พ้น 6L6 ที่จะพบได้ในแอมป์ Mesa Dual Rectifier, EVH/Peavey 5150/6505 และอีกมากมายไล่เรียงไม่หมด รวมถึง MT15 เวอร์ชั่นแรกด้วย

แล้วหลอดเบอร์ 5881 มันเหมือน 6L6 เป๊ะๆ เลยใช่ไหม PRS ถึงเอามาเปลี่ยนแทนได้ ผมทำข้อมูลสรุปมาให้ดูตามนี้ครับ

6L6GC5881
Base typeOctalOctal
Max. power output (watts)3023
Plate voltage500400 (450 for JJ)
SizeLongShort
Durability enhancementMilitary standard

สรุปเป็นภาษาชาวบ้านง่ายๆ จากตารางสเปคกับข้อมูลจากเว็บไซต์เกี่ยวกับหลอดสุญญากาศและเครื่องดนตรีหลายเว็บ เช่น ampvalves.co.uk และ killerrig.com ได้ความว่า หลอด 5881 อยู่ในตระกูลเดียวกันกับ 6L6GC หมายความว่ามันใส่แทนกันได้ (โดยทั่วไป) และให้โทนเสียงแบบเดียวกัน แต่ 5881 ให้เอาท์พุตต่ำกว่า หมายความว่าโทนจะเกิดการ breakup (เสียงเริ่มแตก) เร็วกว่า clean headroom ต่ำกว่า และ max volume จะเบากว่านิดหน่อย และรองรับกระแสไฟได้ต่ำกว่า

เทียบขนาดหลอดเบอร์ 5881 (ซ้าย) และ 6L6GC (ขวา)
(Image source: killerrig.com)

ในส่วนของขนาดก็แตกต่างกัน กล่าวคือ 5881 หลอดจะสั้นกว่า ซึ่งอันนี้ผมก็แปลกใจนิดหน่อยเพราะเล็งๆ ดูในแอมป์ มันก็ยาวพอๆ กับตอนใส่ 6L6GC นี่นา แต่ดูเบอร์หลอดก็ 5881 ชัดเจนแหละ

ยืนยันว่าหลอดพาวเวอร์ในแอมป์ทดสอบของเราคือเบอร์ 5881 ครับ

นอกจากนี้ยังมีข้อมูลยืนยันจากหลายแหล่งว่า หลอด 5881 แรกเริ่มเดิมทีถูกออกแบบมาเพื่อติดตั้งกับเครื่องบินรบ (ยุคสงครามโลก) ซึ่งจำเป็นต้องมีความทนทานต่อแรง G มหาศาล และต้องรองรับการใช้งานสมบุกสมบันมากกว่าหลอดที่ผลิตมาเพื่อใช้ในเครื่องเสียงหรืออุปกรณ์สื่อสาร ในส่วนของราคาตลาด พบว่าทั้งสองเบอร์ราคาเท่ากัน แสดงว่าการที่ PRS เปลี่ยนเบอร์หลอด ไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องการลดต้นทุนค่าหลอด ดังนั้นทั้งหมดทั้งมวลก็สรุปได้ว่าหลอด 5881 ก็คือหลอดทางเลือกที่ลุงพอลเลือกมาใช้แทนหลอดเบอร์เดิมในช่วงวิกฤติอะไหล่ขาดตลาดนั่นเอง

ขอดูสเปคหน่อย

  • Model: MT15 (2021)
  • Chassis type: Bent steel finished in satin grey black
  • Amplifier type: All tubes
  • Wattage: 15, switchable to 7 using the toggle on the rear
  • Number of channels: 2 – Clean and Lead
  • Power tubes: (2) 5881
  • Preamp tubes: (6) 12AX7
  • Tone shaping options: 3 band EQ per channel, Presence and Mid Boost (by pulling a knob)
  • FX loop: Yes
  • Footswitch: Yes, one button for channel switching
  • Dimensions (W*H*D in cm): 54.6 x 25.4 x 25.4
  • Weight (in kg): 14.7
  • Accessories: Carrying bag
  • Country of origin: China

มีอะไรให้เล่นบ้าง

เนื่องจากแอมป์มีสองชั้นแล้วปุ่ม control ต่างๆก็จะแบ่งออกเป็นสองแชแนลบวกกับ option tone shaping อีกนิดหน่อย ทั้งสองแชเนลมี EQ 3 ย่านแยกของใครของมัน แชแนลคลีนมี Treble knob ที่สามารถดึงขึ้นเพื่อ boost เสียงได้ ไม่มีปุ่มสำหรับปรับ Gain แต่จะเป็นปุ่มที่ชื่อ Volume แทน ความหมายของคำความหมายของคำนี้ก็คือ มันไม่มีเสียงแตกในภาพฟรีแอมให้ ถ้าอยากให้เกิดการ breakup ก็ต้องดันวอลุ่มของภาคพาวเวอร์แทน

ในส่วนของแชแนลเสียงแตก (Lead channel) มี Gain knob ให้หมุนปรับระดับเสียงแตกได้ (มันก็ต้องมีอยู่แล้วป่าววะ 😆) นอกจากนี้ก็จะมี Master volume ของแชแนลเสียงแตก ซึ่งใช้คุมระดับความดังของภาค preamp แล้วก็มี Presence knob ไว้เพิ่มย่านเสียงแหลมในภาค power amp

การสลับระหว่างสองชาเนลสามารถทำได้โดยสับสวิตซ์ด้านหน้าแอมป์หรือไม่ก็กดปุ่มฟุตสวิตช์ที่แถมมาให้ โดยภายในตัวแอมป์มีไฟ LED สองสีไว้บอกสถานะว่าตอนนี้เรากำลังใช้แชนแนลไหนอยู่ ถ้าเป็น Clean ไฟจะเป็นสีน้ำเงิน และจะเปลี่ยนเป็นสีแดงเมื่อใช้ Lead channel

Clean Channel
Lead Channel (channel toggle ยังอยู่ตำแหน่งเดิมเพราะผมเปลี่ยนแชแนลด้วยฟุตสวิทช์)

ด้านหลังมีรูแจ็คต่างๆ เช่น รูขนาด 1/4” สำหรับเสียบฟุตสวิตช์ รูสำหรับรูสำหรับเสียบตู้ลำโพง (รองรับ 8 และ 16 โอห์ม) รู Effects Loop Send และ Return ถัดมาตรงกลางมีสวิตช์สำหรับปรับกำลังขับของแอมป์ซึ่งมีให้เลือกระหว่าง 7 (Half power) กับ 15 วัตต์ (Full power) และสุดท้ายก็คือรูเล็กๆ 3 รูสำหรับปรับ bias ของหลอด

ทดสอบหลอดเบอร์ใหม่กันเลยดีกว่า

วัตต์เยอะกว่า = เสียงดีกว่า

ก่อนอื่นต้องบอกว่า สิ่งหนึ่งที่ผมค้นพบซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เคยรู้จากการทดลองเล่นที่ร้านมาก่อน คือ เสียงในโหมด 7 วัตต์ ต่างจากเสียงในโหมด 15 วัตต์ โดยจะได้ยินความแตกต่างชัดเจนที่สุดเมื่อใช้แชแนลเสียงแตก กล่าวคือ โหมด 15 วัตต์จะให้รายละเอียดของเสียงที่ชัดเจนกว่า และส่วนที่แตกต่างมากคือที่กำลังขับเต็ม 15 วัตต์ ย่านเบสจะคม กระชับ ชัดเจน และฟังดูดีกว่า 7 วัตต์พอสมควร คาแรคเตอร์ของเสียงแตกในโหมด 15 วัตต์นั้นถือว่าใกล้เคียงกับแอมป์ระดับกำลังขับ 50 ถึง 100 วัตต์หลายรุ่นที่ผมเคยใช้มาเลยทีเดียวคือมันฟังดูใหญ่ ฟังดูแพง ดังนั้นผมจึงรีวิวโหมด 15 วัตต์ เท่านั้น ผมจึงขอแนะนำว่า ถ้าเป็นไปได้ ควรใช้งานแอมป์รุ่นนี้ที่กำลังขับ 15 วัตต์ครับ

และด้วยความที่ธรรมชาติโทนของ MT15 คือหม่น ทึม เบสเยอะ ต้องยอมรับว่าไม่ชอบโทนแบบนี้จริงๆ ผมชอบโทนสว่างๆ ผมจึงหมุน Treble จนเกือบสุด และหมุน Presence ไปที่บ่ายสามจึงจะพอใจและรู้สึกว่าเป็นโทนที่เหมาะกับการใช้งานในชีวิตจริง

ผมทดสอบด้วยกีตาร์ 2 ตัวที่ต่างสไตล์กันอย่างสิ้นเชิง คือ PRS McCarty Singlecut 594 10 topกับ Mayones Hydra Elite 6 Pro เพื่อให้เพื่อนๆ เห็นความเปลี่ยนแปลงของโทนแอมป์ตามแต่กีตาร์แต่ละสไตล์ สเปคกีตาร์ทั้งสองตัวคร่าวๆ ประมาณนี้ครับ

  • PRS McCarty Singlecut 594 10 Top – บอดี้มาฮอกกานีชิ้นเดียว คอมาฮอกกานีชิ้นเดียวเชพอ้วน บอร์ด Indian rosewood เฟรทวัสดุนิเกิล ความยาวสเกล 24.594 นิ้ว เฟรท 22 ช่อง ปิคอัพของ PRS รุ่น 58/15 LT TCI บริดจ์เป็นแบบ 2 ชิ้นแซดเดิลทองเหลือง
  • Mayones Hydra Elite Pro (custom order) – บอดี้ทำจากไม้ black limba (korina) คอทำจากไม้ purpleheart ประกบด้วยไม้ wenge ฟิงเกอร์บอร์ดเป็นไม้ pale moon ebony เฟรทเป็นวัสดุสเตนเลส ความยาวสเกลคอคือ 25.4 นิ้ว เฟรท 24 ช่อง และปิคอัพสั่งเป็น Bare Knuckle รุ่น Juggernaut บริดจ์เป็นแบบคันโยกของ Sophia

ในส่วนของ cabinet ผมใช้ ENGL Pro Straight 2×12 closed back ดอก Celestion Vintage 30

Clean Channel

Clean Channel – PRS SC 594

ผมทดสอบด้วยกีตาร์ PRS McCarty Single 594 10 Top เสียงคลีนที่ได้ยินมันก็เป็นคาแรคเตอร์โทนเสียงที่ผมจำได้ตั้งแต่ลองแอมป์รุ่นนี้ล็อตแรกที่เปิดตัว คือมันให้โทนที่ dark ทุ้ม ย่านโลว์ใหญ่เบิ้ม แต่ถึงเบสจะใหญ่ก็ตอบสนองค่อนข้างไวๆ ห้วนๆ กระแทกปั้กๆๆ คาแรคเตอร์แบบนี้ถ้าให้ผมพูดตรงๆ มันก็คือคลีนแข็งนั่นแหละ และถ้าถามว่าแล้วเสียงคลีนแบบนี้ของหลอด 5881 โทนมันต่างจากตอนผมลองล็อตหลอด 6L6 ไหม? ผมว่าไม่ต่าง หรือต่อให้ต่างกันก็ไม่มาก ต้องเทียบตัวต่อตัวเท่านั้นถึงจะบอกได้

น่าสังเกตว่า แชแนล Clean ไม่มีปุ่มปรับ Gain ผมก็สงสัยว่าถ้าจะทำให้ Clean channel มันมีอาการ breakup แตกอ่อนๆ ต้องทำยังไง ก็ลองดึง Treble knob ขึ้นเพื่อใช้งานฟังก์ชัน Boost โทนที่เปลี่ยนไปคือย่านกลางและความดังเพิ่มขึ้นน่าจะซัก 20% แต่ไม่มีการ breakup เกิดขึ้น ผมเลยเปลี่ยนไปใช้วิธีคลาสสิค คือดัน Volume ขึ้นไปถึงเกือบเที่ยง (ดังลั่นห้อง) มันก็ไม่มีวี่แววว่าจะเกิดอาการ breakup แต่อย่างใด ที่จริงมันอาจจะมีบ้างถ้าเร่งให้ดังกว่านั้น (ดังยิ่งกว่าลั่นห้อง) แต่เนื่องจากสถานที่ของผมซึ่งเป็นคอนโด ไม่เหมาะที่จะทำแบบนั้น ผมจึงสรุปง่ายๆ ภายใต้ข้อจำกัดของตัวเองเลยว่า แชนแนล Clean ของ MT15 มันคลีนจริงๆ ไม่สามารถเล่นเสียง crunch ได้ และผมต้องใช้ก้อน overdrive สร้าง breakup แทนหลอด

Clean Channel -Mayones Hydra Elite Pro

เสียงคลีนของ Hydra Elite นั้นต่างจาก PRS SC 594 อย่างเห็นได้ชัด เพราะตัวกีตาร์มันก็แทบไม่มีอะไรเหมือนกันเลยนอกจากจำนวนสาย และเสียงที่ได้คือ ความคม ใส สว่าง เคลียร์จัดชัดเจนทุกย่าน คือความอุ่นกลมที่ตำแหน่ง neck humbucker มันก็พอมีให้รู้ว่านี่เปิดใช้ตำแหน่งไหน แต่มันก็ออกใสๆ สว่างๆ มากกกว่า 594 อยู่ดี ซึ่งก็ทำให้เห็นชัดเจนอยู่อย่างว่า ถึง MT15 จะเป็นแอมป์ high gain ขนาดไหน เสียงคลีนของมันก็มีความเป็นธรรมชาติแบบหลอดแท้ อนาล็อกแท้ ไม่คอมเพรสมาก ไม่เปลี่ยนโทนกีตาร์ คือเราเอากีตาร์แบบไหนมาต่อ มันก็ให้คาแรคเตอร์ตามนั้น

Lead Channel

สิ่งที่ต้องรู้เกี่ยวกับ Lead channel ของแอมป์ MT15

จากประสบการณ์ของผมที่เคยลองแอมป์รุ่นนี้ (ลอต 6L6) มาหลายครั้ง ผมจึงรู้ว่าต้องระมัดระวังการหมุนปุ่ม Master ของแชนแนล Lead เป็นพิเศษ เพราะ pot taper มันตอบสนองแปลกๆ คือระดับความดังจะโดดจากหรี่ๆ กรอบๆ บางๆ แล้วโดดพรวดเป็นดังเกือบๆ จะลั่นห้องเลยแม้ตำแหน่งตัวชี้บน knob จะบอกว่าผมน่าจะยังหมุนไม่พ้นขีด 1 (จาก 10) ด้วยซ้ำ

ดังนั้นสำหรับคนที่รู้สึกว่า ณ วอลุ่มต่ำที่สุด (ที่ฟังแล้วมีเนื้อ) ในโหมด 15 วัตต์ยังดังไปหน่อย ทางเดียวที่พอจะช่วยได้บ้างก็คือลดวัตต์ลงไปเหลือ 7 ซึ่งเสียงจะเบาลงไปนิดนึง (ไม่ได้เบาลงไปครึ่งหนึ่งเหมือนตัวเลขกำลังขับนะครับ) แต่ก็ต้องแลกมาด้วยคุณภาพเสียงที่ลดลงไปสัก 10 – 20% ยังไงตอนไปลองที่ร้านต้องทดสอบด้วยตัวเองให้แน่ใจนะครับ บางทีที่ผมว่าคุณภาพเสียงดรอปลง หูของเพื่อนๆ อาจไม่รู้สึกหรืออาจจะแค่เฉยๆ กับความเปลี่ยนแปลงของโทนก็เป็นได้

ประเด็นแอมป์ MT15 คุมความดังยากนี้เป็นที่โจษจันกันทั่วโลก แต่ผมเฉยๆ เพราะมีแผนรองรับอยู่ แต่เนื่องจากเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับการรีวิวเสียง ผมจึงขอให้ข้อมูลไว้ในหัวข้อ สรุป ครับ

Lead channel – PRS SC 594

ผมใช้กีตาร์ PRS McCarty SC 594 ซึ่งเป็นกีตาร์โทนวินเทจอุ่นๆ เอาท์พุทไม่แรง ในเรื่องของปริมาณ gain นั้นผมพบว่า จุด sweet spot ของ Gain knob นั้นอยู่ที่ราวๆ 10.00- 10.30 น. มันจะแตกแบบมีเนื้อสากๆ มีเสน่ห์และเป็นตัว แต่ถ้าดันไปที่ 11 โมงขึ้นไปมันจะเริ่มแตกแบบพร่า เละ และขาด note definition และเมื่อคำนึงถึงธรรมชาติของแอมป์รุ่นนี้ที่ย่านโลว์เยอะมาก ผมก็ยิ่งต้องแนะนำว่าอย่าใช้ gain มากเกินไปครับ

การเล่นรึธึ่มด้วย power chording นั้นดุดัน เบสกระแทกกระทั้นมาเป็นลูกๆ และแน่นอน ปริมาณ gain ล้นทะลักช่วยให้การเล่นริฟฟ์มีแรงส่ง กดตรงไหนก็ชัด กัดปิ๊กตรงไหนก็ออก ในส่วนของการตอบสนองของ MT15 จัดว่าค่อนข้างกระชับ คืนตัวค่อนข้างไว แม้ไม่ไวเท่า ENGL Fireball 100 ที่ผมเคยใช้ก็ยังให้ความรู้สึกกระฉับกระเฉงดีพอสำหรับการใช้ฝึกริฟฟ์ไวๆ ซาวด์โหดๆ ถึงแม้กีตาร์ที่ผมใช้ทดสอบจะเป็นกีตาร์เอาท์พุทต่ำและสเกลคอสั้น (PRS McCarty SC 594 ความยาวสเกลคือ 24.594 นิ้ว คือสั้นยิ่งกว่า Gibson) แอมป์มันก็ยังตอบสนองได้สนุกพอสมควรสำหรับคนเล่นริฟฟ์แบบผม

ลองเล่นโซโล่ดูบ้าง สำหรับปิคอัพตำแหน่ง bridge นั้น ซาวด์ที่ออกมามีความดุดัน cutting คมชัด สนุกจนเกือบลืมไปเลยว่ากำลังใช้กีตาร์แนววินเทจโทน PAF อยู่ ถ้าจะมีอะไรที่พอจะบอกได้ว่ากีตาร์ไม่แรง ก็คงเป็นความ loose ความ ป่องๆ นวลๆ ในเนื้อเสียงของมัน แต่เรื่องเอาท์พุตต่ำไม่ใช่ปัญหาเพราะว่าแอมป์เติมเต็มให้หมดแล้ว

สับสวิทช์ปิคอัพไปที่ตำแหน่ง neck ผมลองทั้ง full humbucker และตัดคอยล์ สำหรับ full humbucker มันไปทางเต็มๆ ไม่ค่อยโปร่ง การตอบสนองค่อนไปทางชัดมากกว่าเหนียวตามคาแรคเตอร์ของแอมป์สไตล์ high gain ร่วมสมัย ลักษณะแบบนี้ส่วนตัวผมว่าช่วยเรื่องการปั่นได้ดี เพราะมันชัดถ้อยชัดคำแถมติดนิ้วใช้ได้

ลองลดวอลุ่ม neck volume ของไปแถวๆ 6 – 7 แล้วดึง Tone pot เพื่อตัดคอยล์ ได้โทนที่โปร่งขึ้น เนื้อกีตาร์ออกชัดขึ้น ความแตกจากแอมป์ลดลงไป แล้วใช้นิ้วเล่นไดนามิคคือฟิน ได้โทนบลูส์ร็อคแจ่มๆ และตอบสนองการดีดหนักเบาได้ดีพอควร ถึงจะไม่โปร่งไม่ organic เท่าพวกแอมป์ low gain จ๋าๆ แต่ผมว่าถ้าแรงก็มันเบาก็เพราะได้ในแชแนลเดียวกัน นี่ถือว่าเป็นแอมป์แรงที่ไดนามิคดีเยี่ยม ผมขอแนะนำให้ใช้วิธีนี้เพื่อชดเชยการที่แอมป์ไม่สามารถทำ clean channel breakup ครับ

Lead channel – Mayones Hydra Elite 6 Pro

พอเปลี่ยนกีตาร์ แค่คอร์ดแรกก็ได้ยินความต่างทันที ต่างจาก PRS SC 594 แบบคนละโลก ไม่ว่าจะเป็นโทน ความชัดเจน หรือความแรง ที่ชัดๆ อย่างแรกคือคาแรคเตอร์โทน ย่านโลว์ของ Hydra น้อยกว่าของ SC 594 มาก เนื่องจากโครงสร้างแบบหัวตัดที่ไม่มีแรงกดสายที่ headstock แถมมวลไม้ก็น้อยกว่า ตรงกันข้ามย่านกลางแหลมกลับมาเยอะกว่า ความสว่างสดใสเข้ามาแทนที่ความอุ่นกลม จับคอร์ด tension อะไรพวกนี้จะได้ยินโน้ตที่เติมเข้ามาชัดขึ้นกว่า 594 มากมาย ด้วยความที่ Hydra ให้ย่านแหลมมากขึ้น ผมจึงลด Lead Treble จากเดิมเกือบสุด เป็นถอยกลับไปบ่าย 3 เพื่อลดย่านแหลม แต่ก็ลดไม่ได้มากนักหรอกเพราะถึงยังไงโทนแอมป์มันก็หม่นอยู่ดี ถึงใช้กีตาร์โทนไบรท์ยังไงก็คงเปลี่ยนคาแรคเตอร์แอมป์ไม่ได้ทั้งหมด

ในส่วนของความแรงอาจจะฟังไม่ต่างมากเพราะผมเปิด gain ของแอมป์ไว้ที่ระดับสูงสุด (เท่าที่เสียงแตกยังไม่เละ) อยู่แล้ว แต่สิ่งที่ต้องต่างกันอย่างแท้จริงไม่ใช่ความแรง แต่เป็นความชัดเจน (clarity) ที่ชัดถ้อยชัดคำขึ้นทั้งๆ ที่ปริมาณ gain ยังล้นทะลักขนาดนั้น ในเรื่องของความกระชับก็ไม่ได้เร็วขึ้นอะไรมากมาย มันแค่ฟังดูเป็นตัวขึ้นเนื่องจากย่าน EQ ของตัวกีตาร์ที่โลว์น้อยลง ก็พออนุมานได้ว่าแอมป์รุ่นนี้ไม่ได้ชูจุดขายเรื่องความแน่นกระชับสับริฟฟ์ไว ถ้าต้องการเล่นแบบนั้นจริงๆ ก็ควรใช้กีตาร์แบบ long scale length หรือติดปิคอัพเอาท์พุทสูงโมเดิร์นๆ หรืออาจใช้ก้อน overdrive แนวยกกระชับ อย่าง Boss SD-1 หรือ Horizon Devices Precision Drive มาช่วยมันหน่อย

จากการลองเล่นด้วยกีตาร์สองตัวที่แตกต่างกันก็พอจะสรุปได้ว่า ในเรื่องความแรงของ gain นั้นแอมป์ PRS MT15 มีให้ล้นเหลือเสมอ ไม่ว่าจะใช้กีตาร์อะไรมันก็ฟังดูแรงไปหมด สิ่งที่จะต่างก็คือคาแรคเตอร์เฉพาะตัวของกีตาร์ ซึ่ง MT15 ไม่ได้เปลี่ยนตรงนั้น คือใช้กีตาร์สเกลสั้นเราก็ได้โทน high gain แบบ nu metal ยุค 2000s แต่ถ้าสลับมาใช้กีตาร์หัวตัดปิคอัพโมเดิร์นเราก็จะได้ย่านกลางแหลมที่โฟกัสและมีความเคลียร์ชัดมากขึ้น ก็จัดว่า MT15 เป็นแอมป์แรงที่ไม่กินโทนกีตาร์มากนัก ซึ่งเป็นลักษณะของแอมป์ที่ดี

จุดเด่นและข้อสังเกต

จุดเด่น

  • Gain มหาศาล มากจนแม้แต่ผมเองก็ไม่รู้จะเอาไปใช้อะไรหมด เปิด Lead gain แค่ 10 โมงก็โหดมากแล้ว เพลงหนักแค่ไหนก็เอาอยู่
  • คาแรคเตอร์โทนเสียงโดยเฉพาะย่านโลว์ใหญ่ๆ นี่มันคือแอมป์ 50 วัตต์ชัดๆ
  • และคาแรคเตอร์โทนเสียงทั้ง Clean และ Lead ผมฟังยังไงมันก็โทน 6L6 ดีๆ นี่เอง
  • เสียงแตกร่วมสมัยไม่ได้โมเดิร์นกระฉับกระเฉงอะไรมาก จึงใช้งานได้กว้าง
  • ตัวเล็ก ประหยัดพื้นที่วาง น้ำหนักเบา อันนี้ผมชอบมากเพราะอยู่คอนโด
  • ราคาไม่แพง แต่ได้สเปคหลอดระดับแอมป์ใหญ่

ข้อสังเกต

เรื่องโทนผมพอปรับตัวอยู่กับมันได้ (เพราะเหตุนี้จึงซื้อมา) แต่ข้อสังเกตส่วนใหญ่เป็นเรื่องของคุณภาพการผลิตครับ

  • ไม่มีลูกเล่นที่แอมป์สมัยใหม่มักมีให้ เช่น DI out, MIDI compatibility, built-in reverb แต่กับราคานี้ถ้าพิจารณาจากอะไหล่อนาล็อกข้างในก็ถือว่าคุ้ม
  • เมื่อสับสวิตช์ไป 15 วัตต์ มีเสียงฮัมหึ่งๆ ดังออกมา อันนี้ไม่แน่ใจว่าเกี่ยวกับเรื่องระบบปรับวัตต์ของมันไหม เพราะโหมด 7 วัตต์เงียบกว่ามาก
  • เมื่อสับสวิทช์ Stand by หากเราลองเงี่ยหูฟังใกล้ๆ cabinet ดีๆ จะได้ยินเสียงวิทยุลอดออกมาเบาๆ และได้ยินวิทยุไม่ว่าจะอยู่ที่โหมด 15 หรือ 7 วัตต์ ผมสงสัยว่าการ shielding ภายในตัวแอมป์น่าจะไม่สมบูรณ์
  • และหลังจาก Stand by แล้วตามด้วย Power off เพื่อปิดเครื่อง จะมีเสียงดัง ‘บุ้’ เหมือนไฟกระชากหรืออะไรสักอย่าง และเป็นแบบนี้ประจำไม่ว่าจะอยู่ที่โหมด 15 หรือ 7 วัตต์ Clean หรือ Lead
  • และปัญหาโลกแตกของแอมป์รุ่นนี้ (สำหรับคนที่อยากใช้งานในสภาพแวดล้อมที่ค่อนข้าง sensitive ในเรื่องเสียงดัง) คือ Pot taper ของ Master Lead volume ไม่สามารถไล่ได้ละเอียดเท่าที่ควรตามที่ผมได้บอกไปในรีวิวเสียงแตก ซึ่ง trick ที่ผมใช้อยู่คือให้หาก้อน volume มาต่อคั่นใน Effects Loop (ส่วนตัวผมต่อไว้ท้ายสุดใน loop คือก่อนเข้า Return ของแอมป์) เปิดโหมด 15 วัตต์ แล้วดัน Lead Channel Master ที่แอมป์ไป10 โมงนู่นเลย (เร่งที่แอมป์ขนาดนี้ ถ้าต่อตรงคือลั่นระดับห้องซ้อม) วิธีนี้เราจะได้คาแรคเตอร์เนื้อเสียงเต็ม ย่านไม่อับ คุณภาพไม่ดร็อปเหมือนตอนลดวัตต์ที่แอมป์ ในความดังประมาณห้องนอน ตามคลิปนี้ครับ

แอมป์รุ่นนี้เหมาะและไม่เหมาะกับใคร

แน่นอนมันก็ต้องเหมาะกับคนที่เล่นเพลงแนวร็อคหรือเมทัลอยู่แล้ว ยิ่งถ้าเป็นพวก nu metal ยุค 2000 ผมว่าโอเคมากเพราะมันแรงแต่ก็ไม่กระชับเกิน และมันก็ให้เสียงคลีนที่ใช้งานจริงได้ ไม่ถึงกับแย่ นอกจากนี้ ด้วยขนาดกระทัดรัดมันทำให้เราสามารถวางเจ้านี่ไว้ในบ้านโดยไม่เปลืองพื้นที่ และที่สำคัญด้วยเนื้อเสียงเหมือนแอมป์ใหญ่ ให้หลอดมาแทบไม่ต่างอะไรกับแอมป์ 50 วัตต์แต่ราคาไม่ถึง 30,000 บาทในยุคนี้ผมคิดว่ามันก็เป็นตัวเลือกที่ดีมากตัวหนึ่งในท้องตลาด และสำหรับคนที่ใช้กีตาร์ไม่แรงแต่อยากได้แอมป์ high gain ที่เล่น แนวอื่นได้พอสมควร อันนี้ก็ไม่เลว

แล้วมันไม่เหมาะกับใคร? ผมคิดว่าก็ต้องเป็นคนที่ต้องการเสียงคลีนแบบจริงจังรวมทั้งคนที่ต้องการเสียงแตกอ่อนๆ สวยๆ จาก tube breakup เพียวๆ เลย อันนี้ต้องบอกเลยว่าแอมป์ตัวนี้ทำไม่ได้ นอกจากนี้ก็ยังมีเรื่องปัญหาหยุมหยิมต่างๆ ที่ผมได้บอกไป ซึ่งเพื่อนๆ ควรไปลองที่ร้านด้วยตัวเองก่อนตัดสินใจครับ

ส่งท้าย

สำหรับรีวิวแอมป์ PRS MT15 โมเดล 2021 หลอด 5881 ก็จะมีประมาณนี้ หวังว่าเพื่อนๆ ที่แวะเข้ามาอ่านจะได้ประโยชน์อะไรกลับไปบ้างนะครับ สำหรับคนที่สนใจสนใจก็สามารถแวะไปทดลองได้ที่ร้าน Music Collection ทุกสาขา ราคา ณ เดือนตุลาคม 2566 อยู่ที่ 29,850 บาท

หมายเหตุ อุปกรณ์ที่ใช้ในบทความรีวิวนี้ ผมซื้อเองทั้งหมด และไม่ได้รับค่าสปอนเซอร์จากร้านตัวแทนครับ