PRS Anniversary Guitars ตอนที่ 4: 30th Anniversary (2015) รุ่นฉลอง 30 ปี

หลังจากฉลองครบรอบ 25 ปีของแบรนด์ด้วยกองทัพกีตาร์ PRS 25th Anniversary สิบกว่ารุ่น PRS ก็ก้าวเดินต่อมาในยุคใหม่ ที่หลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนไปจากที่สาวกรู้จักมาตลอดยี่สิบกว่าปี ตั้งแต่ปิคอัพใหม่ โทนเสียงแนวใหม่ที่เน้นวินเทจ ระบบไฟฟ้าแบบใหม่ สูตร finish ใหม่ ไลน์ผลิตแอมป์ใหม่ รวมถึงกีตาร์รุ่นใหม่ๆ เป็นอะไรที่ผมเชื่อว่าสาวก PRS ที่ติดตามแบรนด์นี้มาตั้งแต่ยุค 90s – 2000s จะรู้สึกได้เลยว่าแบรนด์เปลี่ยนไปมาก และจากจุดนั้นจนถึงวันนี้ก็นับเป็นเวลา 10 ปีเต็ม ผมยังไม่เห็นวี่แววว่า PRS จะกลับไปเป็นกีตาร์สายร็อกเหมือนอย่างยุค 2000s ที่ผมเคยรู้จัก แนวโน้มของแบรนด์นี้มีแต่จะออกสายวินเทจมากขึ้นเรื่อยๆ สังเกตจากรุ่นกีตาร์และแอมป์ ที่เกือบทั้งหมดเทโทนเสียงไปทางวินเทจแทบทั้งสิ้น สำหรับรุ่นฉลอง 30 ปีก็ไม่มีข้อยกเว้นเช่นกัน

คลิกอ่านบทความ PRS Anniversary ตอนที่แล้วได้ที่นี่ครับ

ผมเคยกล่าวไว้ในบทความตอนที่แล้ว (25th Annniversary) ว่า PRS ประกาศหยุดการผลิตกีตาร์สิบกว่ารุ่น และเปิดตัวกีตาร์ใหม่อีกสิบกว่ารุ่นในโฉม 25 ปีที่มากับอินเลย์นกมีเงาและเคสสีขาว แต่หลังจากปี 2010 ถึง 2015 กีตาร์ที่เคยเปิดตัวในปีนู้นหลายรุ่นก็ถูกหยุดการผลิตไป เช่น McCarty Narrowfield, ME II และ III, Swamp Ash Narrowfield, SC 58, McCarty 58 ฯลฯ แล้วก็มีรุ่นใหม่ๆ เกิดขึ้น เช่น Paul’s Guitar, 408, P24 Trem, P22, P245 รวมถึงแผนกแอมป์ที่เพิ่งตั้งเมื่อปี 2009 ก็มีหลายรุ่นเกิดใหม่ เช่นแอมป์ตัวแรงอย่าง Archon ที่เปิดตัวเมื่อปี 2013 เราอาจกล่าวได้ว่าแบรนด์ PRS เป็นแบรนด์กีตาร์ที่พัฒนาตัวเองเสมอ มีความเปลี่ยนแปลงตลอด และนับวันยิ่ง update บ่อย แบรนด์นี้ไม่ค่อยอยู่นิ่งนานๆ

จากนั้นในปี 2015 PRS ก็ประกาศเปิดตัวกีตาร์รุ่นฉองครบรอบ 30 ปี ซึ่งมีในทุกเกรดราคา ตั้งแต่ SE ไปถึง Private Stock ยัน Dragon

เอกลักษณ์ของ PRS รุ่นฉลอง 30 ปี

สำหรับปีที่ 30 นั้น PRS เปิดตัวอินเลย์นก 30th Anniversary Birds in Flight ที่เป็นนกบินแนวโค้งขึ้นลงตลอดฟิงเกอร์บอร์ด ซึ่งดูเผินๆ อาจจะคล้ายๆ กับนก 20 ปี แต่ความจริงแล้วต่างกันหลายอย่าง อ่านความแตกต่างระหว่างอินเลยนก 20 และ 30 ปีได้ที่นี่ครับ

นอกจากนี้ กีตาร์รุ่น 30 ปี ตั้งแต่ไลน์/เกรด core USA ขึ้นไปก็ใช้เปลือกหอยทำอินเลย์นก ไม่ใช่วัสดุสังเคราะห์เหมือนอย่างนกเงา shadow birds รุ่น 25 ปี

สำหรับเพื่อนๆ ที่ชอบกีตาร์ PRS ขอเชิญเข้ากลุ่มเฟสบุค PRS Club Thailand ของผมครับ มี PRS สวยๆ ให้หลอนแทบทุกวัน และมีความรู้เกี่ยวกับ PRS แชร์ให้อ่านกันในกลุ่มด้วยครับ สนใจคลิกเลย

PRS เวอร์ชันฉลอง 30 ปี มีรุ่นอะไรบ้าง?

สำหรับรุ่นฉลองครบรอบ 30 ปี PRS ยังยืนหยัดในการพัฒนาคุณภาพ ในโทนเสียงสไตล์วินเทจ ด้วยโฉม 30th Anniversary ที่มีครบทุกช่วงราคา ตั้งแต่ SE ยัน Private Stock แต่มีไลน์ละ 1 รุ่นเท่านั้น ดังนั้นผมจึงขอเรียงตามลำดับราคาน้อยไปหามากนะครับ เพื่อให้ง่ายต่อการทำความเข้าใจ คลิกที่ชื่อรุ่นได้เลยครับ

30th Anniversary SE Custom 24

ตัวสีเขียวในคลิปนี้เป็น limited run นะครับ สังเกตลายเฟลมกับขอบ fingerboard binding
  • Model: 30th Anniversary Custom 24
  • Body : Mahogany, multi piece
  • Top : bevelled maple with quilted maple veneer
  • Neck : maple, 3 pieces
  • Neck profile : Wide thin
  • Headstock veneer : Quilted maple, matching color with top
  • Headstock decal : SE Custom
  • Truss rod cover text : PRS
  • Fingerboard : Rosewood
  • Fingerboard inlays : 30th Anniversary Birds in Flight, synthetic
  • No. of frets : 24
  • Scale length : 25″
  • Tuners : PRS designed
  • Nut : plastic
  • Bridge : PRS designed tremolo
  • Pickups : PRS SE HFS (bridge) and SE Vintage Bass (neck)
  • Controls : 1 vol, 1 push/pull tone, 3 way blade switch

30th Anniversary ก็เป็นครั้งที่สองที่ SE ได้รับอานิสงค์อัพปรับโฉมเหมือนรุ่นพี่ๆ สำหรับ SE ที่ได้ฉลอง 30 ปีก็คือรุ่น SE Custom 24 หรือรุ่นเรือธงของไลน์ SE นั่นเอง มันใช้พื้นฐานเดียวกับ SE CU24 โมเดล 2012 ซึ่งเริ่มใช้ไม้ท็อปเมเปิลแบบนูน (ถ้าเป็นรุ่น SE CU24 25th ไม้ท็อปจะแบนราบ) แปะวีเนียร์ลายควิลท์ มาพร้อมอินเลย์ 30th Anniversary Birds in Flight ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ไลน์ SE จะมีอินเลย์นกสวยๆ แหวกแนวจากนก old school บอดี้ก็ไม้มาฮอกกานีต่อ 2-3 ชิ้น คอเมเปิลต่อ 2-3 ชิ้น เชพคอบาง Wide Thin บอร์ด rosewood

ระบบไฟฟ้าก็ตามสเปค SE CU24 โมเดล 2012 คือติดปิคอัพ SE HFS + SE Vintage Bass ติด blade switch 3 ทางที่ตัดคอยล์ได้ด้วยการดึงปุ่ม Tone (ถ้าเป็น 25th SE CU24 ตัดคอยล์ไม่ได้) โทนเสียงจาก PU HFS ซึ่งใช้แม่เหล็ก ceramic แรงสูงนั้น เด่นย่านแหลม-กลาง เหมาะกับแนวร็อกและเสียงแตกดุๆ เป็นพิเศษ บางคนก็ชอบซาวด์แบบนี้มากกว่าปิคอัพ 85/15 “S” ซึ่งมาแทนปิคอัพรุ่นนี้ในอีกสองปีต่อมา แต่บางคนก็บอกว่า 85/15 “S” ฟังสบายหูกว่า กลมกล่อมกว่า คลีนดีกว่า ก็แล้วแต่ชอบนะครับ

นอกจากเวอร์ชันวีเนียร์ลายควิลท์แล้ว ก็ยังมีเวอร์ชันลายเฟลมซึ่งออกตามมาทีหลังในช่วงกลางปี 2015 ซึ่งเพิ่มขอบ binding สีครีม ลากยาวจากฟิงเกอร์บอร์ดจรด headstock รวมถึงมีรุ่นลิมิเต็ด 30th SE Custom 24 “Floyd” หรือ SE Custom 24 ติดคันโยก Floyd Rose นั่นเอง แต่ไม่ว่าจะลายไม้แบบใด คันโยกแบบไหน สิ่งที่ SE 30th เป็นเหมือนกันหมด คือที่ headstock จะไม่มีลายเซ็นลุงพอลนะครับ เนื่องจากหัวลายเซ็นเพิ่งมีในปี 2017 แต่อย่างไรก็ดี PRS SE Custom ที่มากับอินเลย์นก birds in flight มันก็มีแค่รุ่นนี้รุ่นเดียว ดังนั้นถ้าใครอยากได้ SE เท่ๆ ไม่เหมือนรุ่นไหน ก็อยากแนะนำว่ารุ่น 30 ปีถือว่าน่าสนใจครับ

ชี้ช่องมองหา ราคามือสอง

ราคามือสอง PRS 30th Anniversary SE Custom 24 : 12,000 – 15,000 บาท แต่ในบ้านเราไม่ค่อยเจอบ่อยนัก

30th Anniversary S2 Custom 24

ไม้ท็อปไม่คัดลายของ S2 นั้น นอกจากไม้ท็อปจะไม่เกลาส่วนโค้งเหมือนอย่าง core level แล้ว ก็ยังบางกว่าด้วย
ข้อดีของท็อปปาดเหลี่ยมแบบนี้คือความสบายของการวางแขน
บอดี้มาฮอกกานียังเป็นชิ้นเดียวตามมาตรฐาน PRS รุ่นผลิตอเมริกา แต่โปรดสังเกตว่าฝา cover ต่างๆ ถูก “แปะ” ไว้บนผิวบอดี้ ไม่ได้ “ฝัง” ลงไปในระนาบเดียวกับผิว นี่เป็นหนึ่งในหลายๆ เทคนิคการผลิตที่ PRS นำมาใช้ลดต้นทุนที่ไม่จำเป็น เพื่อให้ขายในราคาที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้น
ยังมีสีมากกว่าที่เห็นนี้อีกนะครับ S2 ผลิตไวกว่า ทำสีง่ายกว่า core ออพชันสีจึงเยอะกว่า แต่ความสวยของสีจะแพ้เกรด core เพราะใช้สีคนละประเภท
  • Model: 30th Anniversary S2 Custom 24
  • Body : Mahogany, 1 piece
  • Top : bevelled maple
  • Neck : Mahogany, scarf-joint 3 pieces
  • Neck profile : Pattern Regular
  • Headstock veneer : –
  • Headstock decal : PRS signature, metal decal
  • Truss rod cover text : 30th Anniversary
  • Fingerboard : Indian Rosewood
  • Fingerboard inlays : 30th Anniversary Birds in Flight, S2 synthetic
  • No. of frets : 24
  • Scale length : 25″
  • Tuners : PRS S2 Low-mass Locking, brass shafts
  • Nut : PRS USA composite
  • Bridge : PRS designed tremolo
  • Pickups : PRS SE HFS (bridge) and SE Vintage Bass (neck)
  • Controls : 1 vol, 1 push/pull tone, 3 way blade switch
  • Control knobs : PRS Lampshade
  • Accessory : S2 gig bag

กีตาร์ Series S2 เปิดตัวเมื่อปี 2013และในปี 2015ได้อัพเกรดเวอร์ชั่น 30 ปีกับเขาด้วย เป็นปีแรกที่มีไลน์ S2 ใน Anniversary Guitars S2 เป็นไลน์เกิดใหม่ที่มีราคาอยู่ระหว่าง SE และ core USA ราคามือหนึ่งอยู่ในหลักหมื่นบาท สำหรับ S2 30th CU24 นั้นมากับบอดี้มาฮอกกานีชิ้นเดียว ไม้ท็อปเป็นเมเปิลแท้ๆ ไม่แปะวีเนียร์ แต่ไม่คัดเกรดลาย และบางกว่าของ core พื้นที่หน้าท็อปเรียบ ไม่เหลาท็อปโค้งๆ แต่จะใช้การปากเหลี่ยม (bevel) ตรงมุมท็อปเพื่อสร้างมิติและความสบายในการวางแขน คอมาฮอกกานี 3 ชิ้นแต่ต่อไม้แนวขวาง แบบ scarf joint คอเป็นเชพ Pattern Regular บอร์ด Indian rosewood อินเลย์นก 30 ปีที่ใช้ใน S2 ทำจากพลาสติก แต่เป็นเกรดที่ดีกว่าที่ใช้ใน SE

S2 มากับอะไหล่เกาหลีเป็นส่วนใหญ่ เริ่มจากปิคอัพตัวแรง S2 HFS + S2 Vintage Bass ผลิตเกาหลี ลูกบิดล็อกสายดีไซน์ของ PRS แต่สั่งโรงงาน Hanchang ในเกาหลีผลิตให้ ด้านหลังของลูกบิดของ S2 จะไม่โชว์เฟืองอย่างลูกบิด Phase III ที่ใช้ในไลน์ core USA แต่กลไกล็อกรวมถึงเสาทองเหลืองนั้นไม่ต่างกัน ชุดคันโยกยกของ SE มาใส่แต่ใช้ knobs ของไลน์ core USA แต่นัทใช้ของ PRS USA แท้ๆ ฝา truss rod cover สกรีนคำว่า 30th Anniversary เหมือนไลน์ core ฝาปิดห้องเครื่องและโพรงกลไกคันโยกไม่ฝังตัว (non-recessed cavity covers)

S2 30th Custom 24 มากับ gig bag นะครับ เป็นปกติของ PRS ไลน์นี้อยู่แล้ว

แล้ว S2 ต่างจากเกรด core USA ที่พวกเราเคยรู้จัก อย่างไร? อ่านข้อมูลละเอียดรวมถึงภาพเบื้องหลังการผลิตของ PRS S2 Series ได้ที่นี่ครับ

ชี้ช่องมองหา ราคามือสอง

30th S2 Custom 24 ราคามือสองควรอยู่ประมาณสามหมื่นปลายๆ ถึงสี่หมื่นต้นๆ ถ้าแพงกว่านี้ไม่แนะนำให้จัดครับ สู้ไปหาพวก CE 24 มือสองดีกว่า เพราะถึงยังไง S2 เกรดอะไหล่และโครงสร้างมันก็ไม่สู้ CE

30th Anniversary Custom 24

สี Jade (สีหยก) ตัวนี้ของพี่ตั้ม Supalak Klabdee เป็นเกรด 10 top
สี Azul
สี Black Cherry
สี Charcoal Burst ตัวนี้ 10 top
สี Burnt Maple Leaf
สี Violet ม่วงแซมฟ้า
  • Model : 30th Anniversary Custom 24
  • Body : Mahogany 1 piece
  • Top : Figured maple
  • Neck : Mahogany, 1 piece
  • Neck profile (s) :
    • Pattern Regular
    • Pattern Thin
  • Scale length : 25″
  • Number of frets : 24 medium-jumbo
  • Fingerboard : Indian rosewood with ivoroid purfling
  • Fingerboard inlay : 30th Anniversary Birds in Flight, mother of pearl
  • Headstock veneer : Rosewood with ivoroid purfling
  • Headstock inlay/logo : PRS signature, synthetic
  • Truss rod cover text : 30th Anniversary
  • Tuners : PRS Phase III locking, hybrid hardware
  • Bridge : PRS Tremolo
  • Pickups : 85/15, square bobbins
  • Electronics : 5 way blade, 1 Volume, 1 Tone
  • Hardware : Hybrid
  • Finish : V12
  • Accessory : hardshell case

สำหรับรุ่นเรือธงอย่าง Custom 24 เกรด core USA เวอร์ชัน 30 ปีนี้ดูหล่อเหลาเอาการ ไม้หลังมาฮอกกานีชิ้นเดียว ความหนาโดยรวมของทั้งบอดี้หนากว่า S2 ประมาณครึ่งเซนติเมตร จึงมีเนื้อไม้ท็อปมากพอให้ทำส่วนโค้งที่ทุกคนคุ้นตากันดี ไม้ท็อปของไลน์ core มีทั้งเกรดปกติและเกรด 10 top (ถ้ารุ่น 25 ปีได้ 10 top เป็นสเปคมาตรฐาน) คอมาฮอกกานีก็ชิ้นเดียวมาตรฐานเกรด core USA บอร์ด Indian rosewood ก็มาตรฐาน แต่อินเลย์นกอัพเกรดจาก S2 คือเป็นวัสดุ mother of pearl หรือเปลือกหอยมุกที่ให้เฉดสีออกขาวมุก (ไม่ออกสีรุ้งอย่างตระกูล abalone) บางคนก็โอเค บางคนชอบ abalone มากกว่าก็อาจไม่ค่อยถูกใจ นอกจากอินเลย์หอยมุกแล้ว เกรด core USA ยังมากับเส้น purfling ทำจากวัสดุสังเคราะห์สีงาช้างตีเส้นเป็นกรอบตลอดแนวริมฟิงเกอร์บอร์ด ยาวไปจรดปลาย headstock เส้น purfling แตกต่างจากเส้น binding ตรงขอบท็อปนะครับ หัวกีตาร์แปะวีเนียร์ไม้ rosewood ที่หัวมีอินเลย์ลายเซ็นลุงพอลที่ทำจากวัสดุสังเคราะห์ตามสไตล์ PRS ยุคใหม่

ในส่วนของอะไหล่ แน่นอนว่าในเมื่อมันเป็นเกรดเรือธงเป็นหน้าเป็นตาของแบรนด์ อะไหล่ต่างๆ ก็จัดเต็มมาตรฐานอเมริกาแบบไม่มีเกาหลีเจือปน ลูกบิด Phase III ล็อกสายเสาทองเหลืองโชว์เฟืองทดรอบละเอียด 1:14 ก็มา ชุดคันโยกทองเหลืองก็ไม่พลาด อะไหล่ทั้งตัวเป็นแบบผสมชุบเงิน-ทอง (hybrid hardware)

ปิคอัพเป็นรุ่นเปิดตัวใหม่ 85/15 หน้าโค้ง ทรงสี่เหลี่ยมฟิตพอดีช่อง ผลิตในอเมริกา ปิคอัพรุ่นนี้ลุงบอกว่าตั้งใจจำลองดทนเสียงของปิคอัพที่ PRS ใช้ใน Custom 24 ปี 1985 ซึ่งเป็นปีแรกที่แบรนด์นี้แจ้งเกิดในวงการกีตาร์ ปิคอัพ 85/15 เน้นความคมชัดของเสียงเป็นสำคัญ มีความแรงพอประมาณ ไม่แรงมากอย่างพวก HFS ที่เลิกผลิตไป แต่ให้ความคลีนและไดนามิคของวอลุ่มที่ดีกว่า สำหรับตัวเลข 15 นั้นก็หมายถึง ปิคอัพรุ่นนี้เปิดตัวในปี 2015 นั่นเอง ปิคอัพเซ็ทนี้มาในทรงสี่เหลี่ยมฟิตพอดีช่อง pickup cavity และหมุดปิคอัพใช้สีผสม ทอง-เงิน หรือที่ PRS เรียกว่า hybrid hardware ระบบไฟฟ้าก็แสนเรียบง่าย เป็น blade 5 ทางที่มีการตัดคอยล์ในแก๊กที่ 2 และ 4 แต่ไม่ได้ต่อวงจรตัดคอยล์เหมือน Rotary นะครับ

PRS 30th Anniversary Custom 24 ผ่านกรรมวิธีการเคลือบ V12 ที่บางกว่าและแข็งกว่าการเคลือบสมัยเก่า ที่สำคัญ ไม่เป็นฝ้า ดังนั้นใครเล่นรุ่น 30 ปี สามารถสบายใจในเรื่องนี้ได้

นอกจากนี้สำหรับ 100 ตัวสุดท้ายเค้ายังออกเป็นเวอร์ชัน Final Run มีเลข run xx/100 พร้อมลายเซ็นลุงพอลที่ฝา control cover

Custom 24 ระหว่างรุ่นฉลอง 30 ปี กับ 20 ปี อย่างไหนน่าเล่นกว่ากัน?

แม้ CU24 รุ่น 30 ปี จะมีความสดใหม่กว่า ใช้งานง่ายกว่า และไม่มีปัญหาเรื่องฝ้ามากวนใจอย่างรุ่น 20 ปี แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า ในแง่ของของไม้ ไม่ว่าจะไม้ท็อป ไม้ฟิงเกอร์บอร์ด ความสวยของงานอินเลย์ที่เป็นนกอบาโลนมีเส้น wisp ของรุ่น 20 ปี ทำให้มันเป็นที่ต้องการของบรรดานักสะสมมากกว่ารุ่น 30 ปีอย่างไม่ต้องสงสัย และราคาขายต่อของรุ่น 20 ปี โดยเฉพาะตัวที่เป็นเกรด Artist Package ก็สูงกว่ารุ่น 30 ปี ดังนั้นถ้าจะให้ตอบแบบฟันธงว่า รุ่นไหนน่าเก็บกว่ากัน ก็คงต้องตอบว่ารุ่น 20 ปี โดยเฉพาะตัวที่เป็น Artist Package แต่ยังไงขอให้ระวังเรื่องการเก็บรักษา พยายามเก็บในเคสเพื่อลดโอกาสเกิดรอยฝ้าขาวใต้ชั้นเคลือบ

ชี้ช่องมองหา ราคามือสอง

ราคาของ PRS 30th Custom 24 10 top ในบ้านเรา สถิติที่ผมพบเห็นมาคือราวๆ 80,000 – 85,000 บาทสำหรับสีน้ำเงินในสภาพกริ๊บๆ เอกสารและเคสมีครบ ซึ่งผมมองว่าก็เหมาะสมแล้ว ถ้าแพงกว่านี้ สู้ไปหา Artist package ตัวที่ไม่ใช่ 30th จะได้ไม้เกรดสูงกว่าครับ

30th Anniversary Vine McCarty และ Vine Custom 22 (Limited Edition)

  • Model : 30th Anniversary Vine McCarty (Limited edition)
  • Body : Lightweight mahogany, McCarty thickness, 1 piece
  • Top : Figured maple, Artist grade
  • Neck : Artist grade flamed maple, 1 piece, top-matching stained, gloss finish
  • Neck profile (s) : Pattern
  • Scale length : 25″
  • Number of frets : 22 large
  • Fingerboard : Gaboon ebony with white plastic binding
  • Fingerboard inlay : 30th Anniversary Vine – mother of pearl birds and paua vine
  • Headstock veneer : Gaboon ebony
  • Headstock inlay/logo : PRS signature and Vine
  • Truss rod cover text : –
  • Tuners : PRS Phase III locking
  • Bridge : PRS Stoptail
  • Pickups : 58/15 with covers
  • Electronics : 3 way toggle, 1 Volume, 1 Push/pull Tone
  • Hardware : Hybrid
  • Finish : V12
  • Accessory : hardshell case
  • Model : 30th Anniversary Vine Custom 22 (Limited Edition)
  • Body : Lightweight mahogany 1 piece
  • Top : Figured maple, Artist grade
  • Neck : Artist grade flamed maple, 1 piece, top-matching stained, gloss finish
  • Neck profile (s) : Pattern
  • Scale length : 25″
  • Number of frets : 22 medium-jumbo
  • Fingerboard : Gaboon ebony
  • Fingerboard inlay : 30th Anniversary Vine – mother of pearl birds and paua vine
  • Headstock veneer : Gaboon ebony
  • Headstock inlay/logo : PRS signature and Vine
  • Truss rod cover text : –
  • Tuners : PRS Phase III locking
  • Bridge : PRS Tremolo
  • Pickups : 57/08 with covers
  • Electronics : 5 way blade, 1 Volume, 1 Tone
  • Hardware : Hybrid
  • Finish : V12
  • Accessory : hardshell case

นอกจาก Custom 24 30th ที่มาในเกรด core USA แล้ว ยังมีกีตาร์รุ่นลิมิเต็ดสวยๆ อีกสองรุ่นที่มาในเกรด core อีกด้วยนะครับแต่หลายคนอาจไม่รู้ว่ามันมี นั่นคือ 30th Anniversary Vine McCarty และ 30th Anniversary Vine Custom 22

ทั้งสองรุ่นมาในอินเลย์นก birds inflight 30 ปีวัสดุเปลือกหอยมุก ที่เพิ่มลวดลายเถาวัลย์ (vine) ที่เลี่ยมด้วยเปลือกหอย paua ลายรุ้งจัดๆ ยาวตั้งแต่เฟรทในสุดไปถึงบน headstock ฟิงเกอร์บอร์ดของทั้งสองรุ่นใช้ไม้เอโบนีกาบองสีดำผิวเรียบกริบ สำหรับรุ่น Vine MC ขอบฟิงเกอร์บอร์ดมีเส้น binding ทำจากพลาสติกสีขาวให้ด้วย ในขณะที่ของ Vine CU22 ไม่มีการประดับเส้นขอบใดๆ ทีเด็ดอีกอย่างคือ คอของ Vine ทั้งสองรุ่นทำจากไม้เมเปิลลายเฟลมจัดๆ เกรด Artist ทำสีเดียวกับสีของไม้ท็อป (เช่น ถ้าท็อปสีน้ำเงิน คอก็ทำสีนำเงินแบบเดียวกันด้วย) คอของ Vine ทั้งสองรุ่นมาในเชพอ้วน Pattern เคลือบเงา

ไม้บอดี้ทำจากไม้มาฮอกกานีชิ้นเดียว (แต่ไม่ใช่ ribboned) สำหรับรุ่น McCarty บอดี้หนากว่ารุ่น Custom 22 อยู่ราวๆหนึ่งหุน ไม้ท็อปของทั้งสองรุ่นมากับลายเฟลมเกรดสูง Artist grade ซึ่งสูงกว่า 10 top

อะไหล่ท้ังสองรุ่นเป็นแบบผสมเงิน-ทอง ลูกบิดใช้ Phase III locking เหมือนกัน บริดจ์ของ Vine MC เป็น Stoptail แต่ของ CU22 เป็นคันโยก อะไหล่ทั้งหมดมากับชิ้นส่วนสีเงินและทองผสมกัน

ปิคอัพของทั้งสองรุ่นไม่เหมือนกันนะครับ ของ Vine MC มากับปิคอัพแนววินเทจรุ่นใหม่ที่เพิ่งเปิดตัว คือรุ่น 58/15 (อย่าสับสนกับ 85/15) มีฝาสีเงิน หมุดสีทอง ให้เสียงที่มีความกลมกว่า 85/15 แต่ยังคงไว้ซึ่งความชัดของโน้ตและได้นามิคที่ดีเยี่ยม ทำให้มันใช้งานได้กว้าง มากับคอนโทรลสไตล์ McCart คือ 3 way toggle มี push-pull Tone ไว้ดึงตัดคอยล์

แต่สำหรับ Vine CU22 มากับปิคอัพ 57/08 ที่กำลังจะถูกแทนที่ด้วยรุ่น 58/15 หมดทุกไลน์ผลิต มันให้เสียงที่กลมนวลกว่า ย่านกลางค่อนข้างเยอะ เหมาะกับแนว classic rock, blues, jazz เป็นพิเศษ มากับคอนโทรลสไตล์ Custom ปีปัจจุบัน คือสวิทช์ blade 5 ทางตัดคอยล์แก๊กที่ 2 กับ 4 ดังนั้นปุ่ม Tone จึงไม่สามารถดึงตัดคอยล์ได้

30th Vine limited ทั้งสองรุ่นผลิตขึ้นเพียง 100 ตัว แม้จะดูมีความพิเศษอย่างมาก แต่ก็อยู่ในเกรด Artist นะครับ เกรดยังไม่สูงเท่าตัวถัดไป ราคาของ Vine ทั้งสองรุ่นแม้ปัจจุบันจะมีแต่ของมือสอง แต่ก็ยังถือว่าค่อนข้างสูง ประมาณแสนปลายๆ ซึ่งไม่ค่อยต่างจากราคา $7,000 ตอนเปิดตัวเท่าใดนัก

ชี้ช่องมองหา ราคามือสอง

เนื่องจากตัวแทนไทยไม่ได้นำเข้ารุ่นนี้ และผมเองก็ยังไม่เห็นการซื้อขายรุ่นนี้ในบ้านเรา (ทั้ง MC และ CU22) ดังนั้นจึงขออ้างอิงราคาตลาดจาก Reverb.com แทนนะครับ สำหรับราคาขายต่อของสองรุ่นนี้หลายครั้งที่พบเจอมาจะสูงเกิน 150,000 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ไม่หนีจากราคาเปิดตัวมากนัก ถือเป็น PRS รุ่นลิมิเต็ดที่ราคาขายต่อค่อนข้างมีอนาคตดีรุ่นหนึ่งทีเดียว

ถ้าถามว่าเล่นตัวไหนดี อันนี้ผมอยากให้มองที่บริดจ์ก่อนเลย ถ้าชอบ Stoptail เล่น MC แต่ถ้าอยากโยก ก็ไป CU22 แต่ส่วนตัวผมเชียร์ MC ครับ ตัวหนา เสียงนิ่ง ปิคอัพเล่นได้กว้างกว่า

Private Stock 30th Anniversary Custom 24 (Limited Edition)

สีฟ้าของรุ่นนี้มีปัญหาสีซีดเร็วมากนะครับ มีการยืนยันโดยผู้ใช้มาแล้ว ว่า ได้ส่งกีตาร์รุ่นนี้สีฟ้า กลับไปทำสีที่โรงงาน PRS แล้ว อย่างตัวในรูปนี้ก็เริ่มมีอาการแล้ว สังเกตสีน้ำตาลบนลายเฟลมฝั่งซ้ายมือ
วัสดุอินเลย์เป็น paua ล้อมขอบด้วย mother of pearl สวยกว่านก 30 ปี ของเกรด core
บอดี้ชิ้นเดียวลายตรง ของดีที่มีเฉพาะตัวเกรดสูงๆ นอกจากนี้สังเกตว่า neck heel ของ PS 30th CU24 ยังใช้แบบสั้น ย้อนยุค
  • Model : Private Stock 30th Anniversary Custom 24
  • Body : African ribboned mahogany, 1 piece
  • Top : Figured maple, pre-factory carve
  • Neck : Peruvian mahogany, 1 piece, pre-factory short heel, pre-factory headstock wings shape
  • Neck profile (s) : Pattern Regular
  • Scale length : 25″
  • Number of frets : 24 medium-jumbo
  • Fingerboard : Madagascar rosewood with ivoroid purfling, mother of pearl side dots
  • Fingerboard inlay : 30th Anniversary Outlined Birds in Flight consisting of; paua for center, mother of pearl for outline, and abalone for fingerboard purfling
  • Headstock veneer : Madagascar rosewood with abalone purfling
  • Headstock inlay/logo : Private Stock Eagle inlaid with paua center with mother of pearl outline
  • Truss rod cover text : 30th Anniversary
  • Tuners : PRS Phase III locking, hybrid hardware
  • Bridge : PRS Tremolo
  • Pickups : 85/15, square bobbins
  • Electronics : 3 way toggle, 1 Volume, 1 Push-Pull Tone to activate Sweet Switch circuit
  • Hardware : Hybrid
  • Finish : High gloss nitro
  • Accessory : PS Black Paisley hardshell case with blue interior
  • No. made : 60

แผนก Private Stock หรือ custom shop ของ PRS ก็ร่วมฉลองครบรอบ 30 ปีกับเขาด้วยนะครับ โดยส่งรุ่น Custom 24 เข้าประกวด แต่เป็น CU24 ที่เป็นลูกผสมระหว่างสเปคปัจจุบันทันสมัย กับดีไซน์ของกีตาร์ PRS ยุคเก่า

เริ่มจากไม้หลังที่เป็นไม้ African mahogany ลายริบบิ้นที่เลื่อยแบบ quarter sawn จึงให้ลายไม้แนวตรง ดูสวยงามตั้งฉากกับแนวลายไม้คอ ซึ่งการใช้ไม้บอดี้แบบนี้โดยปกแล้วเป็นออพชันที่ต้องสั่งเพิ่ม ไม้ท็อปเมเปิลลายจัดๆ มีให้เลือกทั้งลายเฟลมและควิลท์ มีการปาดส่วนโค้งในองศาคล้ายกับ Custom 24 ปี 80s ที่เรียกว่า Pre-Factory carve ไม้คอเป็นมาฮอกกานีสายพันธุ์เปรูลายสวย เชพ Pattern Regular ซึ่งใกล้เคียงกับเชพแรกที่ PRS ใช้ใน CU24 ปีแรก แต่ความเรโทรมันอยู่ตรง neck heel ซึ่งถูกออกแบบให้สั้นกว่าปกติคล้าย heel ของ Custom 24 ยุค 80s

ฟิงเกอร์บอร์ดเป็นไม้ Madagascar rosewood อินเลย์นก 30 ปีของเกรด PS มีความพิเศษตรงวัสดุและลูกเล่น เนื่องจากตัวนกใช้เปลือกหอย paua สีรุ้งสวยๆ แถมมีเก็บงานเดินเส้นขอบของตัวนกด้วยเปลือกหอยมุก mother of pearl (MOP) ต่างจากงานนก 30 ปีของเกรด core ที่เป็นเพียงวัสดุ mother of pearl ขาวๆ เรียบๆ ซึ่งวัสดุ MOP นี้ถ้าให้พูดตรงๆ คือเกรดต่ำกว่าวัสดุอินเลย์นก J. Birds ที่ใช้ในกีตาร์เกรด core ปกติด้วยซ้ำไป นอกจากนกของ PS 30th จะสวยกว่าแล้ว เส้น purfling ยังสวยกว่าของเกรด core เพราะใช้เปลือกหอย abalone แทนวัสดุสังเคราะห์

และก็แน่นอนว่า ในเมื่อนกบนบอร์ดมากับ paua นกอินทรีย์โลโก้แผนก PS ก็ใช้วัสดุเกรดเดียวกันด้วย ส่วนฝาปิด truss rod ทำจากไม้ Madagascar ebony เดินขอบ purfling ด้วยเปลือกหอย abalone เพื่อให้แมทช์กับฟิงเกอร์บอร์ด อะไหลเป็นชุดผสมเงิน-ทองทั้งตัว นอกจากนี้หากลองเทียบทรงหัวกีตาร์รุ่นนี้กับ PRS รุ่นปกติเราจะเห้นว่า ตรงส่วนแหลมปลาย “ปีก” ทั้งสองฝั่งของหัวกีตาร์รุ่นนี้ ยื่นยาวออกไปมากกว่าปกติ นั่นก็เพราะเป็นดีไซน์ย้อนยุคเลียนแบบกีตาร์ PRS ยุคปี 1985 นั่นเอง

ระบบไฟฟ้าของ PS 30th มีความแตกต่างจากเกรด core และเกรดอื่นๆ ที่ต่ำลงไป คือแม้ปิคอัพจะใช้รุ่น 85/15 bobbins สี่เหลี่ยมเหมือนเกรด core แต่สวิทช์ใช้แบบ toggle 3 ทางร่วมกับ Volume และ Push/Pull Tone knob เพียงแต่การดึงปุ่ม Tone นั้น ไม่ได้เป็นการตัดคอยล์ แต่เป็นการเปิดใช้วงจร Sweet Switch ที่เคยมีใน CU24 ที่ผลิตระหว่างปี 1985 – 1991 วงจร sweet switch ทำหน้าที่เป็น low pass filter กรองสัญญาณความถี่ต่ำรวมถึงหน่วงสัญญาณ ให้เสียงออกมาคล้ายการใช้เอาสายสัญญาณแบบขดยาวๆ มาใช้

คลิกที่นี่เพื่ออ่านระบบสวิทช์แบบต่างๆของ PRS ครับ

ตัวอย่าง sweet switch ที่มากับ Custom 24 ปี 1988 ซึ่ง PS 30th ใส่วงจรแบบเดียวกันมาให้อยู่ใต้ Tone pot

PS 30th CU24 มากับเคส black paisley ผลิตจำนวนจำกัด 60 ตัว ราคาเปิดตัวอยู่ที่ประมาณ 7,000 ดอลลาร์สหรัฐ

ชี้ช่องมองหา ราคามือสอง

Private Stock 30th CU24 แม้จะผลิตเพียง 60 ตัว แต่ผมสังเกตว่ามีการซื้อขายเปลี่ยนมือให้เห็นอยู่เป็นประจำ ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าทำไม ราคามือสองก็แสนกลางถึงแสนปลายๆ

ถ้าถามผมว่า PS รุ่นนี้น่าเก็บไหม? ก็ขอบอกว่าค่อนข้างเฉยๆนะครับ เพราะมองในแง่ของไม้ ผมว่ามันก็ไม่มีอะไรน่าสนใจซักเท่าไหร่ มิหนำซ้ำ PS รุ่นนี้ยังมากับปัญหาคลาสสิคของ PRS คือตัวสีฟ้าซีด และซีดแทบหมดสภาพภายใน 2-3 ปี มันเคยเกิดเหตุการณ์เจ้าของ PS รุ่นนี้ ส่งกีตาร์ของตัวเองกลับไปทำสีที่โรงงาน PRS มาแล้ว ดังนั้นถ้าไม่อยากเสี่ยงต้องมาทำสีกีตาร์ราคาเกือบสองแสน ผมแนะนำให้เล่นสีอื่น หรือถ้าเพื่อนแค่อยากได้ PRS Private Stock สักตัว ผมขอแนะนำว่า ลองหา PS มือสอง ตัวอื่นๆ ในงบแถวๆสองแสน ก็อาจจะได้ไม้ดีกว่านี้ครับ

Private Stock 30th Anniversary Dragon (Limited Edition 40)

  • Model : Private Stock 30th Anniversary Dragon
  • Body : African ribboned mahogany, 1 piece
  • Top : Private Stock grade figured maple, pre-factory carve
  • Top inlay : 30th Anniversary Dragon; inlaid with 285 pieces of materials like jade, azurite, lapis, pyrite, abalone, and mother of pearl
  • Neck : Mahogany, 1 piece, pre-factory short heel, pre-factory headstock wings shape
  • Neck profile (s) : Pattern Regular
  • Scale length : 25″
  • Number of frets : 24 medium-jumbo
  • Fingerboard : Madagascar rosewood
  • Fingerboard inlay : Tail section of 30th Anniversary Dragon
  • Headstock veneer : Madagascar rosewood
  • Headstock inlay/logo : Private Stock Eagle inlaid with green ripple abalone with 30th Anniversary banner
  • Truss rod cover text : –
  • Tuners : PRS Phase III locking, Madagascar rosewood buttons
  • Bridge : PRS Tremolo
  • Pickups : 85/15, square bobbins
  • Electronics : 3 way toggle, 1 Volume, 1 Push-Pull Tone to activate Sweet Switch circuit
  • Hardware : Hybrid
  • Finish : High gloss nitro
  • Available colors : Tiger Eye, Nightshade
  • Accessory : Private Stock Black Paisley hardshell case with blue interior

PRS Dragon คือกีตาร์ซีรีส์สูงสุดของค่ายลุงพอล เอกลักษณ์ของกีตาร์ซีรีส์นี้คืออินเลย์รูปมังกรซึ่งเลี่ยมด้วยวัสดุชิ้นเล็กๆ หลากหลายชนิด ผ่านการตัดชิ้นงานอย่างละเอียดแม่นยำด้วยเครื่อง CNC มาติดลงบนตัวกีตาร์ด้วยแรงงานฝีมือคน บางรุ่นมีอินเลย์มังกรบนฟิงเกอร์บอร์ด แต่บางรุ่นก็ฝังอินเลย์ไว้บนไม้ท็อป

กีตาร์มังกรรุ่น 30 ปี ผลงานการออกแบบอินเลย์ของ Jeff Easley ศิลปินนักวาดภาพแฟนตาซี ไว้บนไม้ท็อป ใช้วัสดุชนิดต่างๆ จำนวน 285 ชิ้น เช่น หยก azurite, lapis, pyrite, abalone และ mother of pearl ประกอบขึ้นมาจนเป็นรูปมังกรกางปีกทอดหางยาวจากท้ายบอดี้ไปถึงเฟรทที่ 12 ซึ่งงานอินเลย์ความละเอียดระดับนี้ PRS ไม่ได้ทำเอง หากแต่ว่าจ้างบริษัท outsource แห่งหนึ่งทำให้

ผมเคยเขียนบทความรวบกีตาร์มังกรของ PRS ไว้ครบทุกรุ่น ทุกปีแล้ว คลิกอ่านได้ที่นี่ครับ

ในส่วนของไม้ 30th Dragon จะคล้ายๆ กับ PS 30th CU24 คือบอดี้มาฮอกกานีลายริบบิ้น ไม้ท็อปลายจัดๆ บอร์ด Madagascar rosewood แต่ต่างกันที่ไม้คอของ Dragon 30th ไม่ระบุสายพันธุ์ ซึ่งหมายความว่ามันเป็นไม้มาฮอกกานีเกรด core ปกติ (Private Stock 30th Custom 24 ใช้ไม้ Peruvian mahogany) นอกจากนี้ อินเลย์โลโก้นกอินทรีตัวใหญ่ Private Stock Eagle 30th Anniversary ของ 30th Dragon ก็ยังใช้เพียง ripple abalone สีไม่จัด เป็นวัสดุอินเลย์ ในขณะที่ PS 30th Custom 24 ให้วัสดุ paua เดินขอบด้วย mother of pearl ซึ่งโดยรวมถือว่าในจุดนี้ PS 30th Custom 24 ดูดีกว่า

ระบบไฟฟ้าของมังกร 30 ปีก็ไม่ต่างจาก PS 30th CU24 ก็คือชุดปิคอัพ 85/15 ซีเลคเตอร์ toggle 3 ทาง กับวงจร Sweet Switch ที่จะทำงานเมื่อดึงปุ่ม Tone ขึ้น อะไหล่ผสมสีเงิน-ทอง เหมือนรุ่น Private Stock 30th Custom 24 แต่อัพเกรดใบลูกบิด Phase III ทำจากไม้ Madagascar rosewood

PRS Dragon รุ่นฉลอง 30 ปีผลิตขึ้นเพียง 40 ตัว มีเพียง 2 สีให้เลือก คือสีน้ำเงิน Nightshade กับสี Tiger Eye ราคาเปิดตัวประมาณ $19,999 หรือราวๆ เกือบเจ็ดแสนบาท

PRS Dragon รุ่น 30 ปี ถ้าเทียบกับ Dragon รุ่นอื่นๆ ถือว่าน่าเล่นไหม?

ผมเชื่อว่าเพื่อนๆ ที่อ่านถึง 30th Dragon น่าจะมีคำถามนี้ ถ้าถามความเห็นของผม ที่ติดตามกีตาร์ PRS ซีรีส์นี้มาครบทุกรุ่นแล้ว ก็ขอออกความเห็นตรงๆว่า

  • ไม้ของ Dragon 30th ธรรมดาเกินไป – Dragon รุ่นนี้ไม่ได้ใช้ไม้ exotic หายากอะไรนัก แม้ฟิงเกอร์บอร์ดไม้ Madagascar rosewood นั้น แม้จะไม่ได้หาง่ายเหมือน Indian rosewood ก็ไม่ใช่ไม้หายากหรือไม้ขึ้นบัญชี CITES แต่อย่างใด ดังนั้น สำหรับคนที่ชอบสะสม PRS รุ่นที่มากับไม้หายากแล้ว Dragon รุ่นนี้จึงค่อนข้างน่าผิดหวังไปหน่อย
  • อินเลย์มังกรคล้ายปีก่อน – Dragon 30th ใช้แพทเทิร์นอินเลย์มังกรที่แทบจะลอกของรุ่นปี 2000 (บางคนเรียก Dragon 2K) มาทั้งตัว ทำให้ขาดเอกลักษณ์เฉพาะตัว (คนออกแบบลายเป็นคนเดียวกันด้วย)
  • รายละเอียดอินเลย์มังกรยังไม่ค่อยสวย – ส่วนตัวผมมองว่าแพทเทิร์นมังกรของทั้งปี 2000 และ 2015 (30th) นี้ ไม่ค่อยสวย เพราะสัดส่วนตัวมังกรดูบิดเบี้ยวไม่เป็นธรรมชาติ อีกทั้งยังตัดเส้นขอบดำหนาๆ เหลี่ยมๆ ทำให้ดูเหมือนภาพร่างมากกว่าภาพเหมือน ซึ่งผมเทียบจาก Dragon ปีอื่นๆ ที่ลายเส้นดูเนี้ยบกว่านี้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเรื่องความสวยงามเป็นเรื่องมุมมองส่วนบุคคล ใครว่าสวยก็ไม่ผิดอะไรครับ
  • แนวโน้มมูลค่าเพิ่ม ต่ำ – ในขณะที่ Dragon 1992 ที่เปิดตัวด้วยราคา $8000 ปัจจุบันราคาซื้อขายในตลาดมือสองพุ่งขึ้นไปเกือบ $100,000 (สามล้านบาท) ด้วยความที่เป็น Dragon ปีแรก มีเรื่องเล่า ฟิงเกอร์บอร์ด Brazilian rosewood มีความ collectible สูง แต่สำหรับ Dragon อีกหลายๆ รุ่น ส่วนใหญ่ก็ราคาทรงๆ คือขึ้นไปตามค่าเงินเฟ้อเท่านั้น แถมบางรุ่นก็ราคาตกกว่าราคาเปิดตัว ดังนั้นสำหรับ Dragon 30th ที่ลายมังกรก็คล้ายๆ รุ่นก่อนหน้า แถมสปีชี์ไม้ก็เฉยๆ แบบนี้ คงไม่ดีนักถ้าจะซื้อมาเพื่อไว้เก็งกำไร
  • สีน้ำเงิน Nightshade อาจมีปัญหาสีซีด แม้กีตาร์รุ่นผลิตหลังปี 2010 จะไม่มีปัญหาแลคเกอร์ขึ้นฝ้า แต่สีฟ้า/น้ำเงินบางสีมีอาการซีดก็เหมือนเป็นโรคประจำตัวของกีตาร์ยี่ห้อนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งน้ำเงินไนโตรแบบมังกร 30 ปี ซึ่งหากสีซีด ก็อาจจำเป็นจะต้องส่งกลับไปแก้สีที่โรงงาน PRS เพราะด้วยกีตาร์ราคาระดับนี้ซึ่งส่วนที่ต้องแก้สีอยู่ในโซนเดียวกันกับส่วนที่ฝังอินเลย์ คงทำใจยากที่จะไว้วางใจช่างทั่วไปให้แก้สีให้ ค่าแก้สีรวมค่าส่งไปกลับอาจพุ่งถึงราวๆ หนึ่งแสนบาท อ่านสาเหตุว่าทำไมสีของ PRS จึงซีดได้ที่นี่ครับ
  • งานอินเลย์สมัยนี้ ใครๆ ก็ทำได้ – ในยุคนี้ เครื่อง CNC ที่ใช้ทำงานไม้งานอินเลย์ ไม่ใช่ของไกลตัวอีกต่อไป ตาม workshop ของสถาบันการศึกษาในต่างจังหวัดก็มีถมเถ เผลอๆ เรายังสามารถสั่งเครื่องมาประกอบทำงานไม้เองที่บ้านก็ยังได้ ไม่ต้องพูดถึงระดับอุตสาหกรรมที่แบรด์เอเชียก็มีใช้กันเกร่อ เพราะในวันนี้มันไม่ใช่เครื่องจักรหายากที่ผูกขาดโดยผู้คิดค้นเมื่อต้นยุค 90 อีกต่อไป ตอนนี้กีตาร์โปร่ง Crafter ผลิตเกาหลีตัวละสองหมื่นกว่าบาท ก็มากับอินเลย์ฟิงเกอร์บอร์ดสารพัดลวดลายกันแล้ว ยิ่งช่างทำกีตาร์อิสระบางคนทำงานฝังอินเลย์ได้ดีกว่า PRS Dragon 1992 ด้วยซ้ำ หรือแม้แต่กีตาร์คุณภาพต่ำที่ขายตามเว็บดังของจีนก็ยังมากับลวดลายอินเลย์สารพัดสไตล์ ดังนั้นงานอินเลย์บนตัวกีตาร์จึงไม่ใช่ของทำยากหรือมีมูลค่าอะไรมากมายอีกต่อไป การจะทำให้คนร้องว้าวในยุคนี้นั้น ไม่ง่าย แค่ลายอินเลย์อย่างเดียวไม่พอ มันต้องมีเรื่องราว มีความน่าสนใจอื่นๆเพิ่มด้วย เช่น ชนิดของไม้ ไอเดียใหม่ๆ เรื่องราวเล่าขาน
PRS Dragon 2000 คอทำจากไม้ Brazilian rosewood ทั้งแท่ง แถมนักสะสมก็ให้ราคารุ่นนี้สูงกว่า แบบนี้ค่อยน่าคบหา
มังกร 30 ปีสีนำเงิน Nightshade ตัวนี้ มีอาการสีซีดแล้วนะครับ สังเกตสีไม้เมเปิลตามขอบท็อปที่ปรากฏชัดเจน

ชี้ช่องมองหา ราคามือสอง

ถึงแม้ Dragon รุ่นนี้ ส่วนตัวผมไม่ค่อยแนะนำเท่าไหร่ แต่ก็ขอแชร์ข้อมูลไว้หน่อย เผื่อมีใครสนใจจริงๆ นะครับ สำหรับมังกร 30 ปี นี้ ผมจำไม่ได้ว่าเคยเห็นมีคนปล่อยมือสองหรือไม่ ซึ่งถ้ามีก็อาจนานมาแล้วและผมลืม แต่ด้วยราคาเปิดตัว $20,000 หรือใกล้ๆเจ็ดแสนบาทในปีนั้น ราคามือสองสำหรับ Dragon รุ่นที่สเปคไม้ค่อนข้างธรรมดา แถมมังกรหน้าตาก็คล้ายรุ่นก่อน ก็ไม่ควรสูงกว่าราคาเปิดตัว ถ้าให้ผมประเมิน ก็ขอให้ราคาที่ประมาณ 400,000 – 450,000 บาทครับ

อย่างไรก็ดี อย่าลืมเรื่องสีน้ำเงิน Nightshade ซีดนะครับ เลี่ยงได้ก็เลี่ยง แต่ถ้ารับได้ก็ไม่ว่ากันครับ

ส่งท้าย

เพื่อนๆ ที่อ่านบทความตอนที่แล้วของผม (25th Anniversary) มาก่อนคงสังเกตว่า ในรุ่นฉลอง 30 ปีนี้ จำนวนรุ่นกีตาร์ที่อัพโฉมนั้นมีจำนวนน้อยลงเหลือเพียงไม่ถึง 1 ใน 3 ของรุ่น 25 ปี ซึ่งผมเองคิดว่าก็ดีแล้วเพราะจะได้โฟกัสการผลิตรุ่นฉลองครบรอบในแต่ละไลน์ผลิตให้ชัดเจนไปเลยไลน์ละ 1 รุ่น ดีกว่าผลิตแหลกลาญหว่านแหเหมือนตอนฉลอง 25 ปีซึ่งเมื่อมันมีมากเกินไปก็ดูเกลื่อน ขาดความพิเศษ หลายรุ่นออกมาดูไม่ค่อยมีค่า ไม่ค่อยมีคนตามหา แถมราคาขายต่อก็ต่ำ ทั้งๆ ที่โดยรวมแล้วใช้ไม้ดีกว่ารุ่น 30 ปีด้วยซ้ำ

สำหรับ PRS รุ่นฉลอง 30 ปีก็มีเท่า ก็มีเท่านี้นะครับนะครับ หวังว่าข้อมูลที่ผมเล่ามาจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ ได้บ้างเนอะ

ตอนต่อไปผมจะพูดถึง Anniversary guitars ตอนสุดท้าย รุ่น 35 ปีที่กำลังจะครบรอบในปีหน้า (2020) ครับ ขอบคุณที่ติดตามอ่านนะครับ

-หมู ภานุวัฒน์-

สำหรับเพื่อนๆ ที่ชอบกีตาร์ PRS ขอเชิญเข้ากลุ่มเฟสบุค PRS Club Thailand ของผมครับ มี PRS สวยๆ ให้หลอนทุกวัน มี PRS ให้ช็อปทั้งมือหนึ่งและมือสอง และมีความรู้เกี่ยวกับ PRS แชร์ให้อ่านกันในกลุ่มด้วยครับ สนใจคลิกเลย